เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานดูแลความเรียบร้อยเปิดเทอมวันแรก


1 พ.ย. 2564, 15:20



นายกฯ ขอบคุณทุกหน่วยงานดูแลความเรียบร้อยเปิดเทอมวันแรก




วันนี้ ( 1 พ.ย.64 ) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความเรียบร้อย อำนวยความสะดวกในการเปิดภาคเรียนตามมาตรการทางสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยวันนี้ (วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564) เป็นวันแรกของเปิดภาคเรียนของโรงเรียนหรือสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศในรูปแบบ On-Site หรือผสมระหว่างรูปแบบ On-Site กับรูปแบบอื่น ๆ ประจำปีการศึกษา 2/2564 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการรายงานว่า มีโรงเรียนสังกัด สพฐ.แจ้งเปิด 12,000 แห่ง จากทั้งหมด 35,000 แห่ง และจะมีการทยอยเปิดเรียนมากขึ้นตามความพร้อมของจังหวัดและสถานศึกษาในวันที่ 15 พฤศจิกายน โดยทางกระทรวงฯ ไม่เน้นว่าจะต้องเปิดเรียนได้จำนวนกี่แห่ง แต่ให้ความสำคัญกับความพร้อมตามมาตรการความปลอดภัยเป็นหลัก คือ การปฏิบัติตาม 7 มาตรการเข้มเปิดโรงเรียน ไป-กลับ คือ



1) ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop COVID Plus (TSC)+ และรายงานการติดตามการประเมินผลผ่าน MOECOVID

2) จัดกิจกรรมรูปแบบ Small Bubble

3) จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ

4) ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ตามเกณฑ์มาตรฐาน ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาดคุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และ การจัดการขยะ

5)จัด School Isolation แผนเผชิญเหตุ และมีการซักซ้อม

6)ควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน (Seal Route) กรณีรถรับ-ส่งนักเรียน รถส่วนบุคคล และรถสาธารณะและ

7) จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา


ข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) ประกอบด้วย 1) Distancing เว้นระยะห่าง 2) Mask wearing สวมหน้ากาก 3) Hand washing ล้างมือ 4) Testing คัดกรองวัดไข้ 5)Reducing ลดการแออัด 6) Cleaning ทำความสะอาด รวมถึง ข้อกำหนด 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ)  ระกอบด้วย 1) Self-care ดูแลตนเอง 2) Spoon ใช้ช้อนกลางส่วนตัว 3) Eating กินอาหารปรุงสุกใหม่ 4) Track ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน 5) Check สำรวจตรวจสอบ และ 6) Quarantine กักกันตัวเอง

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยข้อมูลการฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไปนั้น ล่าสุด มีผู้ประสงค์ฉีดวัคซีนจำนวน 3.8 ล้านคน ฉีดวัคซีนแล้ว 2.8 ล้านคน แบ่งเป็นเข็มที่1 และเข็มที่2 จำนวน 2.43 ล้านคน และ 3.88 แสนคน ตามลำดับ ขณะเดียวกัน นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้องค์การอาหารและยา (อย.) แจ้งบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยให้ทำการขึ้นทะเบียนวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 5-11 ปี โดยเร่งด่วน หลังจากที่องค์การอาหารและยาของทางสหรัฐอนุมัติให้ ไฟเซอร์เป็นวัคซีนสำหรับฉีดเด็กอายุ 5-11 ปี ซึ่งอาจจะเริ่มฉีดกลุ่มเด็กดังกล่าวที่สหรัฐ  ซึ่งระหว่างรอการขึ้นทะเบียนของบริษัทไฟเซอร์ประเทศไทยนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะติดตามข้อมูลอาการข้างเคียงและประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กวัย 5-11 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ไปพร้อมกัน เพื่อความปลอดภัยที่สุดของเด็กไทย






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.