“ไม่รู้ กาลเทศะ” โกหกจนเป็นนิสัย หลังประธานสภา “เขมร” ไปใช้เวที สภาโลก ที่เจนีวา กล่าวหาไทยว่ายิงก่อนอีกแล้ว
30 ก.ค. 2568, 19:10

“ไม่รู้ กาลเทศะ” โกหกจนเป็นนิสัย หลังประธานสภา “เขมร” ไปใช้เวที สภาโลก ที่เจนีวา กล่าวหาไทยว่ายิงก่อนอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่พยานหลักฐานชัดทั่วโลก ชี้ชัดเขมรยิงก่อนพร้อมทั้งโจมตีโรงพยาบาลและบ้านเรือนประชาชนคนไทยอย่างโหดเหี้ยมแถมยังโกหกหน้าด้านๆ กลางสภา บอกไทยใช้อาวุธเคมีทั้งที่หลอกตัวเองด้วยการใช้ภาพถ่ายเครื่องบินดับไฟป่ามาทำเฟคนิวส์ปั่นหัวประชาคมโลก
วันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) กล่าวถึงกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชา ไม่รู้กาลเทศะ ไปใช้เวทีการประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในสัปดาห์นี้ โดยกล่าว โกหกบิดเบือนอย่างไร้ยางอาย กล่าวหาประเทศไทยว่าเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และใช้วัตถุเคมีต่อพลเรือนของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ข้อมูลและพยานหลักฐานที่ทั่วโลกพบ กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและกรณีใช้วัตถุเคมีในการปะทะก็ไม่มีการเกิดขึ้นจริง รัฐบาลกัมพูชาหลอกตัวเองด้วยการเอาภาพเครื่องบินดับไฟป่าในต่างประเทศมาประกอบ ซึ่งรัฐบาลไทยเคยชี้แจงไปแล้วว่าโลกใบนี้หากใครจะใช้อาวุธลักษณะเช่นนี้ก็จะถูกประณามเพราะจะต้องจำนนด้วยพยานหลักฐาน อาทิ สารตกค้างต่างๆ รังแต่จะสร้างความเสียหายต่อความพยายามฟื้นฟูสันติภาพในภูมิภาค เป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น
“รัฐบาลไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และขอประณามการกล่าวหาที่โกหกกลางสภา ที่ปราศจากหลักฐานของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน โดยประเทศไทยได้ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด”
นายจิรายุกล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไทยใช้อาวุธเคมีหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือนนั้น “เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง” ซึ่งทั่วโลกเห็นพร้อมกันว่าใครละเมิดอธิปไตย พร้อมทั้งกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่โรงพยาบาล และพื้นที่ของพลเมืองตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
พร้อมระบุว่า การที่ประธานสภาฯกัมพูชา ใช้เวทีรัฐสภาระหว่างประเทศในการบิดเบือนข้อมูลถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และสะท้อนถึงเจตนาทางการเมืองที่มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของไทยบนเวทีโลก โดยประเทศไทยยังคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และการคุ้มครองชีวิตพลเรือนอย่างเข้มงวด รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยุติการใช้กำลังและมีพฤติกรรมยั่วยุต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการแก้ปัญหาอย่างสันติ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ประสานงานกับองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ประธานอาเซียน สหประชาชาติ ผู้นำสหรัฐฯ และจีน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และขอให้มีการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ เพื่อร่วมตรวจสอบสถานการณ์และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในภูมิภาค
“รัฐบาลไทยขอยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เราไม่ต้องการความขัดแย้ง ไม่ต้องการสงคราม อย่างไรก็ตามประเทศไทยจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของสงครามข้อมูลจากรัฐที่ไม่เคารพพันธกรณีระหว่างประเทศ และพร้อมตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงในทุก