เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ตามล่า "ไอ้แงะ" อ้างเป็นตำรวจภาค คลุมหัวหิ้วสาวใหญ่เรียกค่าไถ่ 3 แสน แหวนทองอีก 2 หมื่นบาท


23 ก.ย. 2566, 04:53



ตามล่า "ไอ้แงะ" อ้างเป็นตำรวจภาค คลุมหัวหิ้วสาวใหญ่เรียกค่าไถ่ 3 แสน แหวนทองอีก 2 หมื่นบาท




วันที่ 22 ก.ย.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.หญิง รัตนาภรณ์ ทองจีน รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้เชิญนางพัชรี สนสนิท อายุ 48 ปี ลงพื้นที่ชี้จุดเกิดเหตุ หลังได้เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย 66 เวลา 20.30 น.ที่ผ่านมา เนื่องจากตกเป็นผู้เสียหายจากกรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ขับรถเก๋ง ยี่ห้อ Honda สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งที่บริเวณกระจกหลังมีสติ๊กเกอร์คล้ายตราโลโก้ตำรวจติดอยู่ อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ผ้าดำคลุมหัวนำตัวขึ้นรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งห่างจากบ้านพักของตนเองประมาณ 50 เมตร โดยที่เจ้าตัวไม่ทราบชะตากรรมว่าจะพาไปที่แห่งใด เหตุเกิดช่วงเช้าของวันที่ 20 ก.ย.66 ที่ผ่านมา โดยในวันนี้ผู้เสียหายได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชลขอให้ติดตามไปทำข่าวด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม

โดยจุดที่ 1 คือบริเวณหน้าบ้านตามภาพในกล้องวงจรปิด เวลาที่ถูกลักพาตัวไปประมาณ 08.30 น. จุดที่ 2 เป็นบริเวณป้ายหาดหว้าขาวคือจุดที่นำเงินค่าไถ่ไปวางไว้ตามที่คนร้ายสั่ง จุดที่ 3 คือจุดที่คนร้ายส่งตัวนางพัชรี(ผู้เสียหาย)ทิ้งไว้ที่บริเวณศาลาริมทางหน้าสถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดประจวบฯ ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ โดยเวลาที่ถูกปล่อยตัว ประมาณ 21.30 น.ของคืนวันที่ 20 ก.ย.66

 

 

 



นางพัชรี(ผู้เสียหาย เล่าว่า ช่วงเช้าของวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาในขณะที่ตนเองพาหลานซ่อนท้ายรถจักรยานยนต์เพื่อไปส่งที่โรงเรียน และในระหว่างเดินทางกลับก่อนถึงบ้านพัก ภายในหมู่บ้านดอนเหียง หมู่ 10 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้มีรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อ Honda ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขับสวนทางมาแล้วปาดหน้ารถของตนก่อนจะลงจากรถแล้วใช้ผ้าสีดำคลุมหัวตนเพื่อไม่ให้มองเห็นหน้า ก่อนที่จะบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตนจึงไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด และในขณะที่ตนถูกควบคุมตัวอยู่ภายในรถ กลุ่มชายฉกรรจ์ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหนี้ตำรวจได้มีการพูดคุยกันแล้วหลุดปากเรียกชื่อเพื่อนร่วมทีมออกมาว่า"แงะเอาไงต่อ" โดยกลุ่มชายฉกรรจ์คนหนึ่งใช้อาวุธปืนจ่อไว้ที่หัวของตนพร้อมกับใช้แขนล็อคคอไว้ตลอดเวลา จากนั้นได้พาตนนั่งรถไปตามเส้นทาง ซึ่งตนเองมองไม่เห็นไม่ทราบว่าจะพาไปที่แห่งใด ต่อมาได้มีการพูดคุยกันโดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจากภาค 7 ติดตามกระบวนการค้ายาเสพติด โดยอ้างว่าผู้ต้องหารายหนึ่งที่จับมาได้ซัดทอดตนว่ามียาเสพติดไว้ในความครอบครอง ซึ่งตนก็ได้ปฏิเสธไปทุกข้อกล่าวหา และบอกว่าหากไม่นำเงินจำนวน 300,000 บาท มาถ่ายตัวกลับไปจะดำเนินการยัดยาให้แล้วส่งต่อส่วนกลางให้ดำเนินคดี ตนจึงเกิดความกลัวแต่ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้ เพราะตนไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย ระหว่างนั้นได้มีสายโทรศัพท์ของกลุ่มชายฉกรรจ์ส่งให้ตนพูดกับลูกสาว โดยที่ตนเองยังถูกปิดตาด้วยผ้าคลุมหัวอยู่ จึงตั้งข้อสงสัยว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวเอาเบอร์ลูกสาวมาจากไหน แต่ตนเองก็ไม่กล้าถามเพราะยังอยู่ในความตกใจกลัวจึงพูดกับลูกสาวให้นำเงินจำนวน 300,000 บาทมาไถ่ตัว แม่ออกไป มิฉะนั้นต้องเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตแน่ เพราะตนรู้ทันทีว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ที่จับตนมาไม่ใช่ตำรวจอย่างแน่นอน

 

 


ด้านนางสาว พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ลูกสาวของนางพัชรี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ชาวบ้านเลี้ยงวัวในละแวกใกล้บ้านมาบอกตนว่าเห็นแม่ถูกนำตัวขึ้นรถเก๋งสีขาวออกไปไม่ทราบว่าเป็นใครตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร พอมาช่วงตอนเย็นมีสายโทรศัพท์เข้ามาจึงรับสายจึงทราบว่าเป็นเสียงของตำรวจคนหนึ่งชื่อ แง๊ะซึ่งตนจำได้เพราะเป็นคนรู้จักมักคุ้นกับอดีตแฟนเก่าเคยพูดคุยกัน โดยคนชื่อ แง๊ะบอกกับตนว่าแม่ถูกตำรวจจากภาคควบคุมตัวไปก่อนวางสาย จากนั้นไม่นานมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาใหม่แต่เป็นเสียงของแม่พูดให้ตนหาเงินมาไถ่ตัวออกกลับไปค่อยคุยกัน ตนไม่รู้จะทำอย่างไรไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน อีกทั้งยังอยู่ในความตกใจอยู่จึงขอต่อรองลดลงเหลือ 200,000 บาท จากนั้นจึงมีการนัดจ่ายเงินค่าไถ่ ก่อนจะปรึกษาญาติๆ เพื่อหาเงินให้ครบตามจำนวนไปไถ่ตัวแม่ พร้อมนำเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าแจ้งความที่ไว้ที่ สภ.เมืองประจวบฯ ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าวเพราะเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ในครั้งนี้อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ข้อมูลจากแหล่งข่าวได้มีการระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับได้มีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา โดยผู้เสียหายมีความประสงค์แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายแงะ กับพวกอีก 3 คน ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ได้ร่วมกันลักพาตัวผู้แจ้งไปเรียกรับเอาเงินจำนวน 200,000 บาท และแหวนทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 2 สลึง ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป และหากมีการตรวจสอบแล้วพบว่านายแงะเป็นผู้กระทำความผิดในคดีนี้ และเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง ด้านผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะให้โอนคดีไปที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ(บก.ปปป.)ต่อไป

 

 


คำที่เกี่ยวข้อง : #ไอ้แงะ   #ตำรวจ   #สาวใหญ่   #เรียกค่าไถ่  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.