เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



แม่ไลฟ์สดร่ำไห้! ลูกชายถูกเพื่อนทำร้ายรับน้องใหม่ หน้าช้ำหูเป็นหนอง ร.ร.บอกไม่มีอะไร


24 ส.ค. 2566, 11:17



แม่ไลฟ์สดร่ำไห้! ลูกชายถูกเพื่อนทำร้ายรับน้องใหม่ หน้าช้ำหูเป็นหนอง ร.ร.บอกไม่มีอะไร




ที่จ.อุดรธานีหัวอกแม่ไลฟ์สดร่ำไห้สุดเสียใจ ลูกชายชั้นป.6 ย้ายไปโรงเรียนดีระดับอำเภอ เจอเพื่อนในห้องรับน้องใหม่ทำร้ายจนน่วมตั้งแต่อาทิตย์แรก จนลูกเปลี่ยนเป็นคนละคนจากเด็กร่าเริงซึมเศร้าอยู่คนเดียว มิหนำซ้ำแม่เครียดจัดไม่กล้าออกจากสามีกลัวคิดสั้นร้องไห้ทุกวัน  ไลฟ์สดทั้งน้ำตาโรงเรียนบอกไม่มีอะไร เด็กตีกันประจำ ทนไม่ไหวต้องขอย้ายโรงเรียนหนี วอนโรงเรียนมีมาตรการป้องกันเด็กตีกันดีกว่านี้


วันนี้ (23 ส.ค.66) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองที่เอาลูกไปโรงเรียนประถมฯ ชื่อดังประจำอ.หนองหาน จ.อุดรธานี แจ้งว่า ลูกชายวัย 11 ขวบอยู่ชั้นป.6เพิ่งย้ายไปโรงเรียนประถมฯ ประจำอำเภอฯ ในเทอมแรกเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ถูกเพื่อนทำร้ายร่างกายจนแก้มช้ำ ใบหูเขียวคล้ำ ที่ผ่านมาลูกไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ เพราะเพื่อนขู่ไว้หากบอกใครจะเอาหนักกว่านี้  แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ส.ค.66 ที่ผ่านมาลูกชายได้ถูกเพื่อนในห้องทำร้ายร่างกายอย่างหนักใบแก้มบวมใบหูด้านซ้ายเขียวคล้ำ จึงรีบไปไปให้หมอตรวจ พบว่าหูเป็นหนองต้องรักษาตัวระยะหนึ่ง และเค้นสอบถามลูกชายจึงรู้ว่าถูกเพื่อนทำร้ายในห้องเรียนและถูกทำร้ายตั้งแต่เข้าเรียนอาทิตย์แรก หัวอกคนเป็นพ่อและแม่หัวใจแทบสลาย เพราะเพิ่งย้ายลูกไปเรียนโรงเรียนดีประจำอำเภอ ไม่เพียงเท่านั้น ลูกชายจากเด็กร่าเริงกลับเป็นคนละคน ซึมเศร้า ชอบอยู่คนเดียว ทำให้แม่ต้องเครียดไปด้วยไม่คิดว่าส่งลูกไปโรงเรียนดีๆ กลับเจอเหตุการณ์แบบนี้คนเป็นแม่ร้องไห้ทุกวันไม่กล้าออกไปเจอหน้าใคร ถึงขั้นจะฆ่าตัวตายจนสามีต้องคอยปลอบใจตลอดเวลา และเมื่อผู้ปกครองสอบถามโรงเรียนบอกว่าจะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กทำร้ายกันอีกในห้องเรียนไหม แต่ทางโรงเรียนบอกว่า ไม่มีอะไรน่าตกใจเรื่องเด็กตีกันไม่น่ากลัวเพราะมีประจำอยู่แล้ว  แถมยังโดนทางโรงเรียนขู่หากไปแจ้งความทำให้โรงเรียนเสียหายพร้อมสู้คดีเพราะปรึกษาทนายความ ผกก และผู้การอุดรไว้แล้ว

โดยคุณแม่ได้ไลฟ์สดเผยถึงเรื่องราวลูกชายที่ถูกทำเพื่อนในห้องร้ายว่า สามีทำงานเป็นรองผอ.กรมทางหลวง สังกัดกระทรวงคมนาคม ย้ายมาที่จ.อุดรธานี เมื่อปีที่แล้ว จึงได้เอาลูกเอาเมียมาอยู่ด้วย และย้ายลูกชายจากจ.กาฬสินธุ์มาเรียนที่อ.หนองหาน เราเห็นว่าโรงเรียนนี้มีห้อง mep ที่สอนพิเศษภาษาอังกฤษและเป็นโรงเรียนประถมประจำอำเภอฯ  จึงอยากให้ลูกชายไปเรียนแม้ค่าเทอมแพงเท่าไรก็ยอม ไปเรียนเทอมแรกก็สังเกตุเห็นลูกชายไม่ค่อยพูดค่อยจากับพ่อแม่เท่าไร แต่ก็ไม่ได้เอะใจ แต่มาวันที่ 7 ส.ค.66 ที่ผ่านมา ลูกชายกลับมาจากโรงเรียนใบหน้าบวม ใบหนูมีรอยเขียวช้ำ จึงได้สอบถามลูก ลูกจึงยอมบอกว่าเพื่อนทำร้ายในห้องเรียนและทำร้ายมาตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เข้าเรียนเลย หัวอกแม่เมื่อรู้ลูกเป็นอย่างนั้น ยอมรับตรงๆ ร้องไห้เสียใจหนักมาก คนเป็นแม่ก็เครียด เพราะลูกชายซึมเศร้าอยู่คนเดียว ไม่สุงสิงและยอมพูดกับใคร แม่เองก็เครียดไปด้วยร้องไห้ทุกวัน จนอยากจะคิดฆ่าตัวตายและต้องไปพบจิตแพทย์ คิดมากเรื่องลูกที่ถุกทำร้าย อยากจะผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้ แต่ก็ยังดีมีสามีคอยปลอบใจตลอดเวลา 
และเมื่อเราไปถามทางโรงเรียน จะมีมาตรการป้องกันไม่ให้เด็กทำร้ายร่างกายมั้ย มีรองผอ.ท่านหนึ่งบอกว่า เรื่องเด็กทำร้ายร่างกายมีประจำนั่นแหละ ถือว่าเป็นการรับน้องใหม่ที่มีเด็กใหม่เข้ามาเรียนในโรงเรียนอย่าไปคิดมาก บางวันยังมีนักเรียนพกมีด สนับมือมาโรงเรียนเลย แม่ได้ยินก็ตกใจและก็บอกไปว่า แล้วถ้าลูกเราเจ็บหนักกว่านี้ ตาบอด หรือเสียชีวิตแล้วจะเป็นอย่างไร เขาก็บอกว่าก็ต้องยอมรับสภาพ และบอกว่าอย่าไปพูดอะไรให้โรงเรียนเสียหายหรือไปแจ้งความนะ ทางโรงเรียนก็พร้อมจะสู้คดีเพราะปรึกษาทนาย ผกก.หนองหานและผู้การอุดรไว้แล้วเหมือนขุ่เราไว้ด้วย คิดดูหัวอกคนเป็นพ่อและแม่จะคิดอย่างไร เพราะเราคิดว่าโรงเรียนคือที่ปลอดภัยที่สุดแต่ลูกถูกทำร้ายเพราะเป็นการรับน้องใหม่ หากลูกชายหนูไปทำร้ายเพื่อนในห้องก่อนบอกตรงๆ หนูจะด่าลูกชายด้วยซ้ำ แต่นี่ไม่ใช่ลูกชายถูกทำร้ายมาตลอด เพราะเขาเป็นคนไม่สุ้คนและเราก็สอนเด็กให้เคารพพ่อแม่ ผู้หลักผู้ใหญ่  ที่เราออกมาพูดเราไม่ต้องการเรียกร้องอะไรหรือเรียกค่าเสียหาย แต่อยากให้โรงเรียนมีมาตรการป้องกันมากกว่านี้ คุณแม่พูดไปก็ร้องไห้ไป 


ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับคุณพ่อและคุณแม่ของน้องฟั้น ที่ถูกเพื่อนในห้องเรียนทำร้าย โดยคุณพ่อทำงานเป็นรองผอ.สังกัดกรมทางหลวงในอ.หนองหานและคุณแม่เป็นแม่บ้าน คุณพ่อของน้องฟั้น บอกว่า ตนเองย้ายมาดำรงตำแหน่งที่จ.อุดรธานี เมื่อปีที่แล้วจึงเอาภรรยาและลูกมาด้วย และให้ลูกไปเรียนที่โรงเรียนประถมประจำอำเภอ ตั้งแต่เทอมแรกเดือนมิ.ย.66 ไม่ระแคะระคายเลยว่าลูกชายถูกเพื่อนในห้องทำร้ายร่างกาย มารู้ว่าลูกชายถูกทำร้ายวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ตอนแรกลูกชายไม่ยอมบอก จึงได้เค้นเขาจึงบอกว่าถูกเพื่อนทำร้าย สิ่งที่เราออกมาพูดวันนี้ไม่ได้จะเรียกค่าเสียหายอะไรทั้งนั้น หลังเกิดเหตุทางโรงเรียนก็ไม่ได้มาพูดคุยทำความเข้าใจกับพ่อแม่ของเด็กเลย บอกแค่ว่าเด็กทำร้ายกันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรน่ากลัว สิ่งที่พวกผมต้องการคืออยากให้ทางโรงเรียนมีมาตรการป้องกันเด็กนักเรียนทำร้ายกันมากกว่านี้ และให้ทางโรงเรียนมาพูดคุยหรือมาดูเด็กบ้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่รู้ไม่ใช่เฉพาะลูกชายตนเองที่ถูกทำร้าย ยังมีนักเรียนอีกหลายคนก็ถูกทำร้ายเช่นกัน  หากเป็นลูกหลานของชาวบ้านธรรมดาๆ หรือพ่อแม่เขาไปทำงานยังต่างจังหวัด ถูกทำร้ายร่างกายโรงเรียนปล่อยผ่านไปแบบนี้ได้อย่างไร ผมก็เครียดเพราะลูกเปลี่ยนไปซึมเศร้า ส่วนภรรยาก็ป่วยต้องพบแพทย์ เราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน อยากให้ทางหน่วยเหนือ ศึกษาธิการจังหวัด หรือสำนักงานเขตพื้นที่ฯ สพฐช่วยมาดูแลในเรื่องนี้ด้วย เพราะคิดว่าไม่มีเฉพาะลูกชายตนเองที่ถูกทำร้ายร่างกายแค่คนเดียวเท่าที่รู้เด็กที่อ่อนแอก็จะถูกเพื่อนทำร้ายร่างกายไปหลายคนแล้วที่โรงเรียนแห่งนี้แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร///





คำที่เกี่ยวข้อง : #ลูกโดนทำร้าย  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.