เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 19 ส.ค. 66  สถานีตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี  ได้รับการประสานจากตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี  ให้ช่วยสกัดจับรถเทรลเลอร์พ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์  หัวลากยี่ห้ออีซูซุ  สีขาว  ตู้คอนเทนเนอร์ที่บรรทุกเปิดท้ายเอาไว้  ก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่คู่กรณีที่ขับรถเทรลเลอร์แล้วหลบหนี  หลังจากขับรถเทรลเลอร์ปาดหน้ากันไปมา  เหตุเกิดบนถนนสายเอเชียขาเข้ากรุงเทพฯ  ใกล้ศาลพระพรหม  อำเภอเมือง  จังหวัดสิงห์บุรี  โดยมี ร้อยเวรสายตรวจรถยนต์ สภ.สิงห์บุรี  ขับติดตามไปอย่างกระชั้นชิด  มุ่งหน้ามาทางอำเภอไชโย  จังหวัดอ่างทอง  หลังได้รับแจ้งจึงประสานรถวิทยุตำรวจทางหลวง  ซึ่งมี ร.ต.อ.ปรีชา  พ่วงภู่ รองสารวัตรทางหลวง  ร.ต.อ.ณัฐกิตต์  มีมาก รองสารวัตร สทล.  ร.ต.ท.วีรกิต  พันธ์ไชยศรี รองสารวัตร สทล.  ดต.ธวัชพงศ์  เชษฐ์ทวรโชตน์  ดต.ศิริพงษ์  เขียวอ่อน  ดต.วิทย  ขนาบใต้  และ ดต.รัชเดช  แอมนนท์ ผบ.หมู่ สทล.6  กก.1  บก.ทล.   ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เขตจังหวัดอ่างทอง  นำรถออกตรวจสอบและทำการสกัดจับรถเทรลเลอร์ที่ก่อเหตุดังกล่าว

ในเวลาต่อมาได้พบรถเทรลเลอร์คันที่ได้รับแจ้งให้สกัดจับ  หัวลากยี่ห้ออีซูซุ  สีขาว  หมายเลขทะเบียน 73-6105 สมุทรปราการ  เทรลเลอร์ หมายเลขทะเบียน 70-6317 สมุทรปราการ  ขับผ่านมาบริเวณกิโลเมตรที่ 56  หน้าบ้านหุ่นเหล็ก  หมู่ที่ 6  ตำบลตลาดกรวด  อำเภอเมือง  จังหวัดอ่างทอง  ซึ่งมีระยะทางห่างจากจุดที่ก่อเหตุกว่า 30 กิโลเมตร  โดยมีรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิงห์บุรี  ติดตามมาอย่างกระชั้นชิด  จึงได้เรียกให้รถเทรลเลอร์คันดังกล่าวให้หยุดรถ  พร้อมร่วมทำการตรวจค้นภายในรถบรรทุกเทรลเลอร์  จากการตรวจค้นพบอาวุธปืน  ยี่ห้อ ซีแซด  ขนาด 9 มม.  ซุกซ่อนอยู่ใต้ผ้ายางรองเท้าฝั่งคนขับ  ส่วนแมกกาซีนและกระสุนถูกซ่อนไว้ใต้เบาะผู้โดยสารด้านข้าง  ใบกระท่อมจำนวนหนึ่ง  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นาย สมชาย  สุขสบาย อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210  หมู่ที่ 9  ตำบลหน้าพระลาน  อำเภอเฉลิมพระเกียรติ  จังหวัดสระบุรี  คนขับรถคันก่อเหตุ  ให้การว่า  ตนเองขับรถเทรลเลอร์บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์นำผงชูรสไปส่งยังฝั่งประเทศเมียนมา  และกำลังจะกลับไปที่บริษัทในตำบลแหลมฉบัง  อำเภอศีรราชา  จังหวัดชลบุรี  เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้เกิดขับปาดหน้ากันกับรถเทรลเลอร์อีกคัน  จนต้องจอดรถลงมาเคลียร์บริเวณข้างทาง  แต่ถูกทางคู่กรณีด่าว่าและจะตรงเข้าทำร้ายร่างกาย  จึงต้องควักปืนที่พกออกมาข่มขู่  จนคู่กรณีผงะถอยไป  จึงได้ขับรถออกมาตามปกติ

ด้าน นาย สมคิด  มรินทรา อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33  หมู่ที่ 12  ตำบลมิตรภาพ  อำเภอสีคิ้ว  จังหวัดนครราชสีมา  คู่กรณี  กล่าวว่า  ตนเองขับรถเทรลเลอร์เปล่า  หัวลากหมายเลขทะเบียน 71-6977 สระบุรี  เทรลเลอร์หมายเลขทะเบียน 72-1502 สระบุรี  กำลังจะกลับไปที่จังหวัดสระบุรี  ได้โดนรถเทรลเลอร์คู่กรณีขับปาดหน้า  จากนั้นตนเองได้จอดรถเพื่อที่จะลงไปสอบถาม  แต่ถูกคู่กรณีชักปืนข่มขู่  ตนเองจึงรีบขึ้นรถหนีไปตั้งหลัก  ก่อนจะรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการสกัดจับเอาไว้ได้  ตนเองรู้สึกกลัวมาก  หากคู่กรณีไม่เพียงแค่ขู่แต่เกิดยิงขึ้นมา  ก็อาจจะเสียชีวิตตรงที่เกิดเหตุ

ส่วนทางด้าน ร.ต.อ.นิคม  บุ้งทอง รอง สวป. สภ.เมืองสิงห์บุรี  กล่าวว่า  เบื้องต้นได้รับแจ้งว่ามีการขับรถเทรลเลอร์ปาดหน้ากัน  บริเวณถนนสายเอเชีย  จึงได้มาทำการสกัดจับรถคันดังกล่าว  โดยสังเกตุพฤติกรรมการขับรถของผู้ก่อเหตุ  และได้ปฏิบัติตามยุทธวิธีตำรวจ  เพื่อให้เกิดความปลอดภัย  พร้อมขอกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง  และพื้นที่จังหวัดอ่างทอง  ให้ร่วมสกัดจับกุมจนผู้ก่อเหตุยอมจอดรถให้ควบคุมตัว  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสิงห์บุรี  ได้ทำการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุนำรถเทรลเลอร์คันดังกล่าว  ไปจอดไว้ที่หน่วยตำรวจทางหลวงอ่างทอง  ก่อนที่จะควบคุมตัว นาย สมชาย  พร้อมอาวุธปืนของกลาง  นำตัวไปตรวจสารเสพติด  พร้อมส่งตัวไปดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสิงห์บุรี  ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป