ทนายบางสะพาน ขู่ฟ้องป.ป.ช.เจอพิรุธยกคำร้องนายก อบต.ยื่นบัญชีทรัพย์สินล่าช้า
16 ส.ค. 2566, 04:46
วันที่ 15 สิงหาคม 66 นางบุษบา สดศรี ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายกฤษดา สกุณา อดีตเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล( อบต.) แห่งหนึ่งที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ยื่นเอกสารร้องเรียนนายก อบต.แห่งหนึ่งที่ อ.บางสะพาน เดินทางไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมที่สำนักงาน ป.ป.ช.จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมยื่นเรื่องร้องเรียนกับ จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ติดตามข้อเท็จจริงซึ่งมีข้อพิรุธ กรณี ป.ป.ช. ประจวบคีรีขันธ์ แจ้งผู้ร้องให้ทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
หลังจากเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ได้มีการร้องเรียนนายก อบต.รายหนึ่ง จงใจไม่ยื่นบัญชีรายการแสดงทรัพย์สินภายในระยะเวลา 60 วัน หลังพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.นานกว่า 2 ปี ต่อมาสำนักงาน ป.ป.ช.จ.ประจวบคีรีขันธ์ได้มีหนังสือที่ ปข 0040 ( ปข. )/0685 ลงวันที่ 7 สิงหาคม 2566 แจ้งว่าผู้ถูกร้องได้ยื่นบัญชีแสดงรายการหนี้สินและทรัพย์สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว ผลการตรวจสอบฟังไม่ได้ว่าผู้ยื่นจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการฯ จึงยกคำร้องดังกล่าว
นางบุษบา กล่าวว่า เพื่อความชัดเจนและเป็นแนวทางที่ควรถือปฏิบัติขององค์กรตรวจสอบที่ควรทำหน้าที่ให้สุจริตโปร่งใส หากภายใน 7 วัน ป.ป.ช.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่สามารถนำเอกสารมาแสดงเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง หลังยกคำร้องนายก อบต. ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หลังจากขอตรวจสอบและคัดสำเนาเอกสารความเห็นและมติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในการพิจารณาการยื่นบัญชีฯของนายก อบต. พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่ไม่รวมถึงเอกสารส่วนบุคคลที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง
นอกจากนั้นขอตรวจสอบและคัดสำเนาเอกสารทวงถามจาก ป.ป.ช.ประจวบคีรีขันธ์ให้ยื่นบัญชีฯ โดยมีการส่งไปทวงถามหรือไม่ พร้อมสำเนาหนังสือชี้แจงของนายก อบต.รายนี้ และ ได้ยื่นขอตรวจสอบบัญชีฯตั้งแต่รับตำแหน่งนายก อบต. และในอดีตตั้งแต่ช่วงที่เข้ารับตำแหน่งและลาออกจากตำแหน่งรองนายก อบต.
“ ที่ผ่านมาหลังจากการยื่นเรื่องร้องเรียนที่ ป.ป.ช.ประจวบคีรีขันธ์เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ในวันเดียวกันน่าแปลกใจ เมื่อผู้ถูกร้องทราบข้อมูลว่ามีการร้องเรียน จึงเดินทางมายื่นบัญชีฯในวันเดียวกัน หลังจากได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายก อบต.นานกว่า 2 ปี ซึ่งต้องการทราบว่ากรณีนี้ถือเป็นความผิดหรือไม่ ขณะเดียวกันเมื่อมีการติดตามเรื่องที่ ป.ป.ช.ประจวบฯ เจ้าหน้าที่รายหนึ่งอ้างว่าส่งเรื่องไป ป.ป.ช.ภาค 7 นครปฐม แต่หลังจากไปตามเรื่อง ไม่ปรากฏว่ามีการส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.ภาค 7 ตามที่อ้าง กระทั่งได้รับแจ้งว่ามีการยกคำร้อง ดังนั้นจึงต้องขอเอกสารหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับกรณีนี้ เพื่อพิสูจน์ความโปร่งใสตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.” นางบุษบา กล่าว
ด้านเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ประจวบคีรีขันธ์ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบภายหลังการยื่นบัญชีฯ ระบุว่า ผู้ถูกร้องไม่มีความผิด แม้ว่ามีหน้าที่จะต้องยื่นบัญชีหลังจากพ้นเวลา 60 วัน เนื่องจากที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายมีการบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2561 ปัจจุบันไม่ถือว่าการยื่นบัญชีพ้นจากเวลาที่กำหนด จะมีความผิดในทันทีหากมีการยื่นในภายหลังมีการตรวจสอบที่มีการใช้ดุลพินิจแล้ว หากพบว่าผู้ยื่นไม่ได้มีเจตนาจงใจปกปิด ไม่ได้ร่ำรวยผิดปกติ ไม่มีทรัพย์สินเพิ่มผิดปกติ ก็ไม่มีปัญหา ยอมรับว่าอาจจะเป็นช่องว่างของกฎหมาย
ขณะเดียวกันกรณีนี้ ป.ป.ช.ประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้รับแจ้งจาก อบต.ของผู้ถูกร้องว่ามีรองนายก อบต.ลาออก ทำให้ ป.ป.ช.ไม่ทราบข้อมูล และไม่เคยมีหนังสือทวงถาม สำหรับกรณีที่ อบต.ไม่แจ้งการลาออกของรองนายก อบต.ให้ ป.ป.ช.ทราบ ก็ไม่ถือว่ามีความผิด เนื่องจากไม่มีการกำหนดระเบียบใดใช้บังคับหรือมีโทษ
จ่าอากาศเอกเสกสรรค์ จันทร แกนนำเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ป.ป.ช. ควรชี้แจงเอกสารประกอบการยกคำร้องให้ครบถ้วนเพื่อแสดงความโปร่งใสให้ผู้ร้องสิ้นข้อสงสัย และทำให้เป็นกรณีศึกษาให้ประชาชนมั่นใจว่า ป.ป.ช.มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีโอกาสและช่องทางที่ผู้ใดจะไปวิ่งเต้นต่อรองขอให้พ้นจากความผิด สำหรับการยื่นบัญชีฯของนักการเมือง นอกจาก ป.ป.ช.จะใช้ดุลพินิจในการพิจารณา มีการคุ้มครองข้อมูลที่เป็นความลับ ที่ผ่านมายังไม่เคยมีการตรวจสอบโดยองค์กรอื่น เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง สส.ที่ผู้สมัครทุกรายต้องให้กับเจ้าหน้าที่ กกต.ตรวจสอบ