ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่าที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ซึ่งปิดบริการและร้างมานานกว่า 10 ปี ริมถนนสายเอเชีย หมายเลข11 ขาล่อง ระหว่างพิษณุโลก-เด่นชัย บ้านดงช้างดี อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มีผู้ไปแจ้งเหตุกับตำรวจประจำป้อมยามดงช้างดีว่า ได้ไปพบศพถูกเผาไหม้เกรียมทั้งร่างอยู่ในห้องน้ำหญิง ห้องที่ 4ในจำนวน 10 ห้องในปั๊มน้ำมันร้าง โดยสังเกตเห็นโทรศัพท์ตกหล่นอยู่ใกล้กองขยะและมีแกลลอนน้ำมันตกอยู่ด้านนอกห้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจโดย พ.ต.อ.ฉัฐวัชร พงศ์วาสน์ ผกก.สภ.วังกะพี้ พร้อมด้วย นายณัฐวัตร แซ่จิว แพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุตรดิตถ์  พ.ต.ท.นรพนธ์ อุสาใจ นิติวิทยาศาสตร์ หัวหน้าพิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุตรดิตถ์ พร้อมด้วย สมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ จึงได้ร่วมพิสูจน์เบื้องต้นว่าเป็นเพศชาย ไม่สามารถพิสูจน์ทราบอายุ ที่อยู่ ชื่อและสกุลได้สภาพศพถูกเผาจนร่างกายไหม้เกรียมทั้งร่าง จึงได้เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุและนำศพส่งชันสูตรที่ โรงพยาบาลพิทธชินราช พิษณุโลก เพื่อสืบทราบอัตลักษณ์และสาเหตุการถูกฆาตกรรมโหดครั้งนี้ 

 

ทั้งนี้ ก่อนพบศพชายที่ถูกฆาตกรรมอำพรางรายนี้ นายเกียรติศักดิ์ เพียรขุนทด ชาวบ้านทุ่งยั้ง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ เล่าให้ฟังว่า ตนเองกับยายน้ำเย็น แก้วพันคำ อายุ 79 ปี เป็นนักปฎิบัติธรรม ที่วัดพระแท่นศิลาอาสน์ อำเภอลับแล ชอบนั่งสมาธิเพื่อสงบสติอารมณ์ กระทั่งสัมผัสได้กับวิญญาณดวงหนึ่งมีความเร่าร้อน ทุกขเวทนามาก ขอให้ช่วยด้วยเป็นเช่นนี้ตั้งแต่วันศุกร์และวันเสาร์ ทั้ง 2 วัน อีกวันรุ่งขึ้นเหมือนมีอะไรบังคับและดลใจให้ต้องไปจังหวัดพิษณุโลก พอขับรถยนต์ขาล่องตามถนนสายเอเซีย ผ่านบ้านดงช้างดี บริเวณปั๊มน้ำมันร้างริมถนนและอยากเข้าไปในพื้นที่ปั๊มน้ำมัน จึงต้องขับรถเลยไปและเข้ายูเทิร์นกลับมาแวะเข้าพื้นที่จึงได้พากันเดินลงกระทั่งได้กลิ่นเหม็นคล้ายศพเน่า จากนั้นได้เดินตามกลิ่นเข้าไปในห้องน้ำหญิงห้องที่4 กระทั่งพบศพถูกไฟเผาไหม้เกรียมทั้งร่างและมีกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง จากนั้นจึงได้กลับออกไปแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมบริการประชาชนบ้านดงช้างดีให้เข้าไปตรวจสอบศพในปั๊มน้ำมันร้างดังกล่าว