วันนี้ ( 25 เม.ย.66 ) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังเปิดกิจกรรม "Immunization Week ๒๐๒๓ : Vaccine for everyone" ว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์รณรงค์ฉีดวัคซีนประจำปีของทั่วโลก กรมควบคุมโรค จึงร่วมกับกรมการแพทย์ จึงจัดการณรงค์ ฉีดวัคซีนพื้นฐานในเด็กที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี อย่างไรก็ตามปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้ารณรงค์การฉีดวัคซีน ให้ครอบคลุมทั่วถึงมากขึ้น ทั้งวัคซีนในเด็ก เน้นเก็บตก วัคซีนจำเป็นนอกเหนือจากวัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดตามกำหนด วัคซีน 11 ชนิด 13 โรค ตกหล่นที่ขาดช่วงไปตอนโควิด 19 ระบาดเช่น วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก ให้กลับมาฉีดได้ครอบคลุมทั่วถึงตามปกติ หลังกรมควบคุมโรควิเคราะห์ข้อมูลแล้วพบช่วงโควิดทำเด็กเข้าถึงบริการและรับวัคซีนน้อยลง ยิ่งอายุเพิ่มหลังขวบปีแรก อัตราการฉีดยิ่งลด บางตัวฉีดเพียงร้อยละ 50-70 อาทิ วัคซีนตับอักเสบบี และหัด ที่ยังฉีดค่อนข้างต่ำ โดนเฉพาะพื้นที่เฝชายแดน นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเติมปีนี้ คือ วัคซีนผู้ใหญ่ ที่เดิมมีไม่กี่ชนิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนบาดทะยัก แต่หลังจากสถานการณ์โควิด 19 ข้อมูลการศึกษาพบว่าการฉีดวัคซีนโควิด คนไทยช่วยให้ชนะโควิด ช่วยชีวิต คนได้ถึง 500,000 คน ดังนั้นจึงบรรจุวัคซีนโควิด 19 เป็นวัคซีนประจำปี ที่ต้องรับก่อนฤดูกาลระบาดเช่นเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยจะเริ่มรณรงค์ฉีดโควิดพร้อมไข้หวัดใหญ่ในคราวเดียว เริ่มจริง 1 พ.ค.นี้ แต่ขณะนี้วัคซีนทั้ง 2 ชนิด ได้ส่งไปยัง รพ.ทุกพื้นที่แล้ว หากที่ใดพร้อมสามารถเปิดบริการฉีดวัคซีนทั้ง 2 ชนิดได้ทันที หรือจะไม่รับพร้อมกัน 2 ชนิดก็ได้ขึ้นกับความประสงค์ของผู้รับ

ด้าน นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ และประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า สโลแกนปีนี้จะฉีดวัคซีน 2 ชนิดคือไข้หวัดใหญ่และโควิด พร้อมกันในวันเดียว เนื่องจากศึกษาความปลอดภัยในยุโรปหลายประเทศยืนยันแล้ว ทั้งนี้ 3 ปีที่ผ่านมา โควิด เริ่มคล้ายไข้หวัดใหญ่ที่อยู่หลายร้อยปี ก็ไม่หายไป หมายความว่ายังต้องต่อสู้กับเชื้อกลายพันธุ์ไปอีกนาน แต่โชคดีทีทั้ง 2 โรคนี้ เหมือนกันคือมีวัคซีนป้องกัน มียารักษา และมีฤดูกาลระบาดพร้อมกันคือหน้าฝน สิ่งที่ห่วงเหมือนกันคือ ตัวการใหญ่แพร่เชื้อคือเด็ก ที่ติดเชื้อไม่อันตรายแต่จะอันตรายเมื่อเชื้อไปถึงคนสูงสัยในบ้าน ทั้งนี้คาดการณ์ว่าเปิดเทอมนี้ทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิดจะเพิ่มขึ้น จึงแนะนำควรเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กก่อนเปิดเทอม หากเปิดเทอมแล้วเด็กป่วยไม่ต้องตกใจ โอกาสติดมี แนะนำป่วยควรหยุดเรียน เพื่อหยุดการกระจายเชื้อ สำหรับคำแนะนำประชาชนทั่วไปในการฉีดกระตุ้นวัคซีนทั้ง 2 ชนิด คือ หลังฉีดเข็มสุดท้าย หรือการติดเชื้อครั้งสุดท้าย นาน 6 เดือน ให้มารับการฉีดได้ทันที แต่จะร่นเวลาเหลือเพียง 4 เดือน สำหรับคนร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรืออยู่ระหว่างการได้รับยากดภูมิ