จากกรณีคนร้ายใช้อาวุธยิงกระหน่ำใส่รถบรรทุกพ่วงรถเก๋งและซาเล้ง อย่างบ้าคลั่ง ทำให้มีคนเจ็บและเสียชีวิตที่ถนนสาย 340 สุพรรณบุรี-ชัยนาท หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเดิมบางนางบวช เมื่อช่วงหัวค่ำของวันที่ 12 มี.ค.2566 หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เดิมบางนางบวช ชุดสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรีและชุดสืบสวนภาค 7 ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสืบสวนหาเบาะแสของคนร้ายและรถยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ ทราบว่าเป็นรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุสีเขียว แบบตอนเดียว สภาพเก่า ทะเบียน 1 ฒว 733 กรุงเทพมหานคร และผู้ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุคือนายศุภชัย สุ่มเมือง หรือ อาร์ท 39 ปี ชาวจังหวัดชัยนาท หลังก่อเหตุได้ขับรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีมุ่งหน้าเข้าจังหวัดชัยนาท

ทางด้าน พ.ต.อ.พีระ อัศวะพิบูลย์ผล ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้นำกำลังชุดสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี ลงพื้นที่ร่วมกับ ชุดสืบสวนภาค 7 และสืบสวน สภ.เดิมบาง ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ให้ช่วยสืบหาเบาะแสของคนร้าย กระทั่งเวลา 01.00 น. วันที่ 13 มี.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับแจ้งจากภรรยา ของนายศุภชัย ว่ามีอาการคลุ้มคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท จึงคุมตัวจากบ้านมาให้หมอ ที่ รพ.ชัยนาทนเรนทร ฉีดยากล่อมประสาทเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับการประสานว่า นายศุภชัย เป็นผู้ก่อเหตุยิงคนตายและบาดเจ็บ ในเขต อำเภอเดิมบางนางบวช จึงคุมตัวไปที่ สภ.เมืองชัยนาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงนำตัวไปยัง รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่นายอาร์ทจอดรถทิ้งไว้ก่อนไปหาภรรยา จากการตรวจค้นรถคันดังกล่าว กระจกด้านหน้าเป็นรอยกระสุนจำนวน 5 นัด ภายในรถพบปืนของกลางขนาด 9 มม. และกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้อีกหลายนัด ที่พื้นข้างคนขับพบขวดเบียร์วางอยู่ 1 ขวด ส่วนที่หน้ากระจกพบถุงใบกระท่อมวางอยู่ เจ้าหน้าที่จับตรวจหาสารเสพติด พบปัสสาวะเป็นสีม่วง ชุดสืบสวนสอบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี จึงนำตัวกลับไปยัง สภ.เดิมบางนางบวช เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยในช่วงเช้ามีแม่และญาติ ผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่โรงพักเพื่อจัดการเรื่องเอกสาร โดยทางผู้ต้องหาทางตำรวจได้ทำการสอบสวนเพิ่มเติม เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า กำลังจะขับไปส่งของให้เพื่อนที่ภาคใต้ ระหว่างทางเจอรถ จยย. ขับปาดไปมา จึงยิงปืนออกไปด้วยความโมโห แล้วภาพก็ตัดจำอะไรไม่ได้ ส่วนชนวนการก่อเหตุน่าจะเกิดจากความเครียดส่วนตัวจึงก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งทางศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาใน ข้อฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพกพาอาวุธ ไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต  ยิงปืนในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนเด็กชายวัย 14 ปี ที่ถูกยิง อาการเด็กตอนนี้ปลอยภัยแล้วรอส่งตัวไปผ่าเอาหัวกระสุนออกที่โรงพยาบาลเจ้าพระยมราชต่อในวันนี้ โดยหลังสอบสวนผู้ต้องหาแล้ว ทางตำรวจได้นำตัวไปส่งฝากขังที่เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี โดยได้คัดค้านการประกันตัว และไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

จากนั้นในช่วงบ่ายทาง พล.ต.ต.เกรียงไกร วุฒิพานิช ผบก.ภ.จว.สุพรรรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.กุญชร วงษ์พันธุ์ ผกก.สภ.ภูธรเดิมบางนางบวช ร่วมสอบสวนผู้ต้องหาพร้อมแถลงผลการจับกุม  โดยพล.ต.ต.เกรียงไกร กล่าวว่า ด้วยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 19.15  น. ได้รับแจ้งจากศูนย์สื่อสาร สภ.เดิมบางนางบวช ว่ามีเหตุคนถูกอาวุธปืนยิงเสียชีวิตและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบว่า ที่เกิดเหตุบริเวณถนน 340 ทางมุ่งหน้าไปทางชัยนาท พบ น.ส.มยุรี เอี่ยมสอาด นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นั่งโดยสารข้างคนขับ และทราบว่านายวีระพันธ์ เอี่ยมสอาด ผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันดังกล่าว ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และบริเวณฝั่งตรงข้ามถนน 340 ทางมุ่งหน้าไปทางสุพรรณบุรี ได้พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อซูซูกิ สีดำ ทะเบียน 8 กถ 6945 กทม. ถูกยิงด้วยกระสุนปืนบริเวณกระโปรงหน้ารถ และ พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 5  ปลอก ตกอยู่บริเวณใกล้กับศาลาที่พัก ปากทางเข้าคลอง 5 ริมถนน 340 มุ่งหน้าสุพรรณบุรี

และมีเด็กชายวัย 14 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ มีผู้นำส่ง รพ.เดิมบางนางบวช จากการสอบปากคำผู้ที่เห็นเหตุการณ์ โดยนายมิน แสนเมือง อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นบิดาของเด็ก ทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นชายวัยกลางคนได้ใช้อาวุธปืนยิงทะลุออกมาจากรถยนต์กระบะ แล้วลงจากรถ แล้วลงยิงปืนใส่รถบรรทุกยี่ห้อฮีโน่  ที่วิ่งมาฝั่งตรงข้าม และหันมายิงปืนใส่เด็กจนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไป

โดยจากการสืบสวนจึงทราบว่ารถกระบะ ยี่ห้ออีซูชุ ทะเบียน 1 ฒว 733 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ก่อเหตุได้มีการซื้อขายและโอนลอยไว้ โดยมีนายศุภชัย สุ่มเมือง อายุ 39 ปี ที่อยู่ 175 หมู่ที่ 10 ต.เสือโฮก อ.เมืองชัยนาท  จ.ชัยนาท เป็นผู้ที่ซื้อมาใช้งานและเป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวอยู่ ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวนายศุภชัย

จากการสอบถามญาติของนายศุภชัย ทราบว่าเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2566 เวลาประมาณ 21.00 น. หลังก่อเหตุญาติได้ไปรับตัวนายศุภชัย จากโรงแรมเพิ่มสุขรีสอร์ท หมู่ที่ 5 ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท กลับไปที่บ้าน และนายศุภชัย มีอาการคุ้มคลั่ง ญาติจึงได้ให้คนพาส่ง รพ.เมืองชัยนาท และประสานกับตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งจากนายสิงหา มีสุข ลูกเจ้าของโรงแรมเพิ่มสุข ว่าเมื่อวันที่ 12 มี.ค.เวลา 19.58 น. ได้มีนายศุภชัย ขับรถกระบะ  เข้ามาจอดในบริเวณโรงแรม หลังจากนั้นภรรยาและพ่อของนายศุภชัย ได้มารับตัวออกไป ซึ่งผู้แจ้งได้สังเกตเห็นว่านายศุภชัย ดูไม่ปกติ ตาขวาง พูดจาเพ้อเจอ และเห็นที่บริเวณกระจกหน้ารถยนต์คันดังกล่าวมีร่องรอยถูกยิง 5 รู กลัวว่านายศุภชัย อาจจะไปก่อเหตุอะไรมา และอาจทำให้ผู้แจ้งได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงมาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน และได้ประสานตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท เชิญตัวนายศุภชัย มาที่ สภ.เมืองชัยนาท

จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.เดิมบางนางบวช ชุดสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรีและชุดสืบสวนภาค 7  ได้รีบเดินทางไปยัง สภ.เมืองชัยนาท จากการสอบสวนเบื้องต้น นายศุภชัย ให้การยอมรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุ ได้ขับรถกระบะ ยี่ห้ออีซูชุ สีเขียว ทะเบียน 1 ฒว 733 กรุงเทพมหานคร มาบนถนน 340 ผ่านแยกปากน้ำ มุ่งหน้าเข้าเมืองสุพรรณบุรี เมื่อมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ถูกรถจักรยานยนต์พ่วงข้างตัดหน้า จึงได้ใช้อาวุธปืนยิง หลังจากนั้นได้ขับรถคนดังกล่าว และหลบหนีไปจอดรถที่โรงแรมเพิ่มสุขจริง ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ก่อเหตุไปที่โรงแรม พบรถยนต์รถกระบะ จอดอยู่หน้าห้องพักเลข 122 ตรวจค้นรถพบอาวุธปืนยี่ห้อ Cz Shadow เลขปืน F108247 จำนวน 1 กระบอก และปลอกกระสุนปืน อยู่ในรถยนต์ โดยนายศุภชัย ให้การยอมรับว่าเป็นปืนที่ใช้ยิงก่อเหตุจริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงนำตัวนายศุภชัย พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เดิมบางนางบวช  พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร  ขากการตรวจสอบพบเคยมีประวัติการต้องโทษ ข้อหา เสพยาเสพติด เมื่อปี 2554 จากนั้นส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนางวรรณดี แจ้งอิ่ม แม่ผู้ตาย  กล่าวว่า วันนี้มาทำเรื่องเอกสารทราบข่าวตอน 2 ทุ่มกว่าเสียใจมาก ลูกไม่เคยมีปัญหากับใครทำงานหาเงินอย่างเดียว เขากับแฟนเขารักกันดีมาตลอดไม่เคยทะเลาะกัน ไปไหนจะไปด้วยกันตลอด คิดว่าคนก่อเหตุยิงมั่วไม่ได้ตั้งใจยิง ก่อนเกิดเหตุก็ไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไรเลย ลูกเขยไม่มีปัญหากับใคร ลูกสาวเป็นคนร่าเริงชอบช่วยคนตั้งใจทำมาหากิน วันนี้มายังไม่ได้เจอตัวผู้ต้องหาเลย อยากจะเห็นหน้าเค้าอยากรู้ว่าทำไม เพิ่งจะคุยกับลูกตอนช่วงเช้าและตอนมืดมารู้ข่าว ก็ทำอะไรไม่ถูกช็อคไปเลย

ทางญาติมือยิง ไม่ขอเปิดเผยชื่อ กล่าวว่า ปกติผู้ต้องหาเป็นคนอารมณ์ดีไม่อารมณ์ร้อน เรื่องในช่วงชีวิตเขาเราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นพ่อค้าขายขี้ไก่ ตอนเกิดเหตุพอรู้ก็ช็อคไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ อยากจะฝากขอให้กลับมาเป็นแบบเก่ามีกฎหมายควบคุม คนมาใช้กันมากเกินไปลูกเด็กเล็กแดง ผมเสียพี่ผมไปคนนึงก็เพราะเรื่องนี้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นมาก็เพราะจากการปลดล็อคกัญชาและใบกระท่อม ฝากให้กลับเข้าไปสู่ในระบบแบบเก่าดีกว่าไม่อยากให้มีเสรีแบบนี้ บ้านเมืองมันวุ่นวายไปหมดแล้ว คนบริสุทธิ์จะต้องมาเสียกันไปในเรื่องแบบนี้มันไม่สมควรฝากไว้ด้วยครับ

ด้าน นายวีระพันธ์  เอี่ยมสะอาด  อายุ 34 ปี สามีผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่ สภ.เดิมบางนางบวช พร้อมกล่าวว่า  นายวีระพันธ์ เผยต่อว่า ณ อาการบาดเจ็บของตนตอนนี้ ปากฉีก ต้องทำการรักษาด้วยการเย็บ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกสงสารภรรยาเป็นอย่างมากที่ต้องมาเสียชีวิต โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย  ก่อนเกิดเหตุไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไร ภรรยาพูดแค่ว่า “อ้วนอยากกินข้าวขาหมู” ซึ่งตน กำลังจะพาภรรยาไปกิน แต่สุดท้ายก็กลับไม่ได้กิน เขามาเสียชีวิตก่อน

ในส่วนประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีสติ เพราะเมานั้น ตนไม่เชื่อ ว่าคนเรามันไม่มีสติ “คนเมามันกินขี้ไม่ได้” ถ้าเขาไม่มีสติ เขาจะหยิบปืนขึ้นมาได้ยังไง เอาปืนมายิงได้ยังไง  หากผู้ก่อเหตุ และครอบครัวจะมาขอขมานั้น ตนไม่ยินดี ไม่ต้องมาขอขมาศพอะไรทั้งนั้น ให้เขารับกรรมของเขาไป

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตน และครอบครัวรู้สึกช็อกเป็นอย่างมาก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด ที่ตนทำงานทุกวันนี้ ก็ทำเพื่อครอบครัว สร้าง ครอบครัวของตน แต่พอมาเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้ตนไม่มีกำลังใจ และรู้สึกท้อแท้เป็นอย่างมาก ส่วนตัวตนไม่เคยมีปัญหาหรือรู้จักกับผู้ก่อเหตุมาก่อน จนกระทั่งมาเพิ่งทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนบ้านเดียวกัน ทั้งนี้ ตนไม่มีอะไรฝากถึงผู้ก่อเหตุ อย่างไรตาม หากพภรรยารับรู้ได้ตนอยากฝากถึงภรรยาว่า ขอให้หลับสบาย เหนื่อยมาเยอะแล้ว ตนรักเขามาก และก็ทำทุกอย่างเพื่อเขา ไม่ต้องห่วงเป็นห่วงลูก ตนจะดูแลเอง