เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 27 ก.พ.66 กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.ท.ธนกาญน์  ทับขำ  พนักงานสอบสน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ริมถนนสายเอเชีย 41 ใกล้วัดขุนกระทิงนอก หมู่ 8 ตำบลขุนกระทิง อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน เร่งตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่ฝั่งขาขึ้นกรุงเทพฯทราบว่าหน่วยกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์(กู้ภัยสายชล)ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลชุมพรฯไปก่อนหน้านี้แล้ว คือนายณัฐวุฒิ  เกตุสถิตย์  หรือวุฒิ  อายุ 22 ปี  ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.กระสุนเจาะเข้าหน้าแข้งขวา 1 นัด ข้อเท้าซ้าย 1 นัด หัวกระสุนฝังใน และเหนือข้อมือซ้าย 1 นัด รวม 3 นัด โดยมีกลุ่มเพื่อนและญาติของคนเจ็บยังอยู่ในที่เกิดเหตุ

ตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณบนพื้นริมถนนหน้าเต้นท์ขายรถยนต์มือสองพบปลอกกระสุนขนาด 9 มม.จำนวน 1 ปลอก ห่างกันประมาณ 25-30 เมตรพบปลอกกระสุนชนิดเดียวกันอีก 1 ปลอก รวม 2 ปลอกเจ้าหน้าที่บันทึกภาพพร้อมเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีแดง ของคนเจ็บจอดอยู่ในที่เกิดเหตุมีคราบเลือดติดแห้งกรังจำนวนหนึ่ง

จากการสอบถามนายชาคริต  ธนบัตร หรือปาล์ม อายุ 22 ปี เล่าเหตุการณ์เฉียดตาย ให้ฟังว่า คนเจ็บคือนายณัฐวุฒิ และตนพร้อมกลุ่มเพื่อนประมาณ 7-8 คน จยย.จำนวน 3 คัน ได้นัดไปเที่ยวงานวัดพระใหญ่ ตำบลวิสัยเหนือ เดินเที่ยวประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆก็ชวนกันขับจยย.กลับบ้านมุ่งหน้าแถวๆตำบลขุนกระทิง ขณะกำลังจะออกจากหน้างานเห็นกลุ่มวัยรุ่นขับจยย. 3 คัน รวม 8 คน ผ่านมาหนึ่งในนั้นพอเห็นพวกตนทำท่าเหมือนจะชักปืนออกมาจากเอว แต่ก็ขับผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นายณัฐุฒิคนเจ็บเป็นคนขับส่วนตนนั่งซ้อนท้าย โดยมีรถจยย.ของนายอันดา และเจเจ เพื่อนกันขับตามหลังมาอีกคัน

แต่เมื่อขับจยย.เลยวัดขุนกะทิงนอกประมาณ 100 เมตร สังเกตเห็นว่ากลุ่มรถวัยรุ่นดังกล่าวทั้งหมด 3 คันขับรถช้าๆ แต่พอนายณัฐวุฒิ ทำท่าจะขับแซงปรากฏว่าหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่น จำได้ว่านั่งซ้อนท้ายรถจยย.สีน้ำเงินใส่เสื้อผ้าชุดดำอายุ ประมาณ 15-16 ปี ไม่พูดเพล่าทำเพลงชักปืนออกมายิงใส่นายณัฐวุฒิคนขับเสียงปืนดังสนั่นจำนวน 3 นัด ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งกระสุนผ่านตนที่นั่งซ้อนท้ายรถไปแบบฉิวเฉียดจนเห็นเป็นรอยบวมบริเวณต้นแขน หลังก่อเหตุกลุ่มวัยรุ่นเร่งขับจยย.หลบหนี แต่โชคดีที่กระสุนไม่เข้าจุดสำคัญทำให้นายณัฐวุฒิยังมีสติก่อนเพื่อนจะโทรแจ้งตำรวจ โดยยืนยันว่าไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน

ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมสอบปากคนเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ หลังจากนั้นจะติดตามจากกล้องจรปิดหาเส้นทางหลบหนีเพื่อหาเบาะแสของกลุ่มผู้ก่อเหตุเร่งติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป