วันนี้ (17 ก.พ.66 ) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 รุ่น 2 ไบวาเลนต์ ซึ่งเป็นวัคซีน mRNA ปรับสูตรใหม่ให้รองรับได้ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม(อู่ฮั่น) และสายพันธุ์กลายพันธุ์ (โอมิครอน) ว่า ไทยได้รับการสนับสนุนจากต่างประเทศ โดยล็อตแรกจาก 500,000 โดส จากสาธารณรัฐเกาหลี มาถึงไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบคุณภาพโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดจะเรียบร้อยภายในสัปดาห์นี้ แล้วสัปดาห์หน้าจะทำพิธีรับมอบและกระจายวัคซีนไปตามจังหวัดต่างๆ

ส่วนล็อต 2 ได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส 1 ล้านโดส จะมาถึงประมาณต้นเดือนหน้า (มี.ค.66) ตอนนี้มีวัคซีนเหลือเพียงพอบวกกับรับบริจาคเพิ่มได้รับการติดต่อบริจาควัคซีนชนิดโปรตีนซับยูนิตด้วยอยู่ระหว่างการติดต่อ ทั้งหมดจะนำมาให้เป็นบูสเตอร์โดสคู่กับวัคซีนปกติเนื่องจากข้อมูลเบื้องต้นให้ผลไม่ต่างกัน

สำหรับกลุ่มที่ต้องได้รับการบูสเตอร์วัคซีนโควิด -19 ตามมติอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคคือ ให้เหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่คือ ให้แก่กลุ่มเสี่ยง 607 คือผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้มีโรคประจำตัว 7 โรค อีกกลุ่มคือ บุคลากรด่านหน้าที่เสี่ยงสัมผัสเชื้อโควิด ทั้งบุคลากรการแพทย์ในโรงพยาบาลแผนกดูแลผู้ป่วยโรคโควิด -19 เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุวรรณภูมิ เป็นต้น และบูสเตอร์ปีละ 2 เข็ม ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแต่ต้องการรับวัคซีนก็สามารถติดต่อรับได้ตามความสมัครใจ ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้จำนวนวัคซีนที่ไทยมีเพียงพอสำหรับการบูสเตอร์ทั้งปีนี้และปีหน้าโดยไม่ต้องจัดซื้อเพิ่มเติม

ส่วนการให้บริการภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) นพ.ธเรศ กล่าวว่า จะเน้นรณรงค์ฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยในคลินิกล้างไต ผู้สูงอายุในสถานรับดูแล โดยสัปดาห์หน้าจะไปรณรงค์ในสถานรับดูแลผู้สูงวัยให้ได้รับการฉีด LAAB มากขึ้น