เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 14 ก.พ. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านโนนสวรรค์ ม.6 และบ้านคลองแก้ว ม.3  ต.โคกตาล อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ  ได้เกิดเหตุฝนตกหนักและลมพายุฤดูร้อนพัดโหมกระหน่ำใส่บ้านเรือน คอกสัตว์ ยุ้งข้าวของชาวบ้านในพื้นที่ 2 หมู่บ้านข้างต้น ลมฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ได้ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้าน โดยเฉพาะหลังคาบ้านของชาวบ้านที่ส่วนมากแล้วมุงด้วยสังกะสี โดนลมพายุพัดเอาสังกะสีที่มุงหลังคาบ้านปลิวลอยไปตกไกลจากตัวบ้านกว่า 150 เมตร  ส่งผลให้น้ำฝนตกลงมาเปียกข้าวของทรัพย์สินเครื่องใช้ไฟฟ้าของชาวบ้านที่อยู่ในบ้านได้รับความเสียหายจำนวนมาก  ชาวบ้านต้องพากันขนย้ายข้าวของหนีน้ำฝนกันอย่างโกลาหล  ซึ่งพายุฝนได้ตกหนักนานประมาณ 35 นาที จึงได้หยุดตก

ต่อมา จ.อ.สมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์  ได้สั่งการให้ นายสรศิริ  จันดีบุตร ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง  อ.ภูสิงห์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ อส.อ.ภูสิงห์ ที่ 19 ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.ภูสิงห์, จนท.อบต.โคกตาลและกำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ต.โคกตาล เข้าไปทำการตรวจสอบบ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งพากันออกเดินหาเก็บสังกะสีหลังคาบ้านของชาวบ้านที่โดนลมพัดปลิวหายไปไกล  สังกะสีบางแผ่นโดนลมพัดปลิวลอยไปค้างอยู่บนสายไฟฟ้าแรงสูง  ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่สำนักงานไฟฟ้า อ.ภูสิงห์มาทำการขึ้นไปเก็บสังกะสีลงมาจากสายไฟฟ้า เพื่อจะได้นำเอามาสังกะสีที่ยังสามารถใช้การได้มาใช้ในการซ่อมแซมหลังคาเรือนของชาวบ้านต่อไป และทำการตัดต้นไม้ที่โค่นล้มลงมาเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อชาวบ้าน

จ.อ.สมควร  สิงห์คำ  นายอำเภอภูสิงห์  กล่าวว่า  จากการที่ได้ดำเนินการสำรวจความเสียหายที่เกิดกับบ้านเรือนของชาวบ้านที่ประสบวาตภัยแล้วพบว่า บ้านคลองแก้ว ม.3 บ้านเรือนของชาวบ้านได้รับเสียหายบางส่วน 5 หลัง , ยุ้งข้าว 1หลัง, คอกสัตว์ 1 หลัง  และบ้านโนนสวรรค์ ม.6 มีบ้านเรือนของชาวบ้านได้รับความเสียหาย  จำนวน 21 หลัง  รวมแล้วมีบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 26 หลัง  ซึ่งตนได้สั่งการให้ นายก อบต.โคกตาล ร่วมกับกำนัน ผญบ. ต.โคกตาล เร่งดำเนินการซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ต่อไปแล้ว