กลายเป็นกระแสถกเถียงกันในโซเชียลฯ ภายหลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก มัดจุก 'ก ได้เผยแพร่ภาพเด็กนักเรียนหญิงมีรอยแผลบวมแดงหลายแผลที่บริเวณน่องขาทั้งสองข้าง โดยระบุว่า "ครู เขาตีเด็กกันแบบนี้หร่อ ‼️ เป็นครูได้พรือ ถ้าเด็กทำผิดกฎหรือระเบียบโรงเรียนการลงโทษเด็ก มีวิธีเยอะเยอะไป ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้คุณตี แต่ตีแบบนี้ เอาลูกเองมาให้พ่อแม่เขาตีกลับบ้างเอาเห้อ รู้สึกยังไง กฎหมายมี ห้ามตีเด็กนักเรียน เป็นครูได้ไง ไม่รู้ว่าการตีเด็กต้องยับยั่งหรือมีสิทลงโทษได้แค่ไหน การลงโทษเด็ก มีวิธีที่คุณจะทำได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการว่ากล่าวตักเตือน ทำฑัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เชิญผู้ปกครอง หรือ พักการเรียน สามารถทำได้หมด แต่นี้ตีเอาขนาดนี้ ใช่เรื่องหร่อ"

ก่อนจะโพสต์เพิ่มเติมอีกว่า "ครอบครัวไหน ยินดีและรับได้กับการกะทำที่รุนแรง ทั้งโดนผู้อื่นกะทำและกะทำต่อผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยวิธีไหนก็ตาม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดิฉั้นก็ขอยินดีด้วยนะคะ จิตใจคนเราไม่เท่ากันคะ หลายๆคนภูมิใจที่ได้เติบโตใช้ชีวิตกับความโหดร้าย แต่ไม่ใช่ดิฉั้น และเชื่อว่า99% ไม่มีใครอยากให้เกิดความรุนแรงไม่ว่าจะด้วยเหตุแบบไหนก็ตาม เพราะ มันเป็นเรื่องที่ผิดแต่ทำให้ถูกขึ้นมาโดยความคิด (ไม่ใช่ความเป็นจริง)

หากคุณมองว่าการใช้ความรุนแรงเป็นเรื่องที่ดียอมรับได้ แนะนำ ให้มองดูสังคมรอบข้างบ้างนะคะ ว่า สิ่งนั้นๆที่คุณเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่รับได้ คนรอบข้าง สังคม เขาอาจจะรับไม่ได้นะคะ เพราะตรรกะความคิดเพียง 1 เสมือนคนที่เอากะลามาครอบหัวไว้ ฝึกเปิดรับสิ่งรอบตัวเราเปิดโลกให้กว้างบ้างนะคะ เพราะชีวิตต้องอยู่ร่วมกับสังคม ไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และ น้อยคนหนักที่จะยอมรับได้กับความรุนแรง ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุไหนวิธีไหนก็ตาม มันไม่ควรเกิดขึ้นคะ 

เติบโตมาไม่เหมือนกัน และไม่เคยมีใครในโลกนี้ ออกมากันรันตีได้ว่า ทุกคนจะได้ดีเพราะได้รับการกะทำที่รุนแรงหรือใช้ความรุนแรง อยู่ร่วมกับผู้อื่น ขอบคุณคะ"

โดยชาวเน็ตได้สงสัยถึงสาเหตุของการถูกตีซึ่งเจ้าของโพสต์ได้อธิบายไว้ใต้คอมเมนต์ในทำนองที่ว่า เด็กนักเรียนโดนตีเหตุเพราะพูดคำไม่สุภาพหยาบคายกับเพื่อน แล้วบังเอิญ ครูคนที่ตีผ่านมาได้ยินจึงถูกทำโทษดังกล่าว

ขณะที่ความคิดเห็นชาวเน็ตส่วนใหญ่ จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง โดยฝั่งแรกจะเป็นการตั้งคำถามว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงไปหรือไม่ และสมควรแก่เหตุหรือไม่ อย่างไรก็ตามในขณะที่ความคิดเห็นบางส่วนก็ยังเห็นว่าการลงโทษในลักษณะนี้มีมานานแล้ว และเป็นเพียงการตักเตือนให้รู้ผิดชอบเท่านั้น