เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"แก๊งคอลเซนเตอร์" มามุขใหม่อ้างเป็นครู-หมอให้ร้านค้าโอนเงินสูญกว่า 1 แสนบาท


10 ส.ค. 2565, 15:23



"แก๊งคอลเซนเตอร์" มามุขใหม่อ้างเป็นครู-หมอให้ร้านค้าโอนเงินสูญกว่า 1 แสนบาท




เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 10 ส.ค. 65 ผู้สื่อข่าวบึงกาฬ รายงานว่า จากเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์เข้าไปหลอก นายพีระศักดิ์ เนตรวงค์หรือต๋อม อายุ 39 ปี เจ้าของร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งในชุมชนตำบลนาสวรรค์ เหตุเกิดเมื่อวานผ่านมา โดยผู้ที่โทรศัพท์เข้าไปหลอกอ้างว่าเป็นครูผู้หญิงแต่ไม่ระบุชื่อ กำลังนั่งนับเงินจำนวน 50,000 บาทเพื่อโอนให้ครูพานักเรียนไปประชุมที่ กรุงเทพฯ อยู่กับ นายสุริยา ศรีลาวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านนาสวรรค์ อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ บอกให้เจ้าของร้านมินิมาร์ทนำน้ำดื่ม 20 แพ็ค ขวดขนาดกลาง 630 CC มาส่งที่โรงเรียนด้วย เนื่องจากว่าทาง ผอ.ได้จัดประชุมจึงขอให้นำน้ำมาส่งและถามว่ามีเงิน 50,000 บาทไหมขอให้โอนให้ครูผู้หญิงและนักเรียนที่จะเดินทางไปร่วมอบรมที่ กรุงเทพฯ ขณะนี้กำลังจะขึ้นเครื่อง โดยเครื่องบินจะออกแล้วเกรงว่าเงินที่โรงเรียนมีอยู่และกำลังนับจะโอนให้ครูไม่ทันเวลาเครื่องออก จึงขอร้องให้นายต๋อมโอนให้ก่อนด้วย โดยบอกเลขบัญชีให้และชื่อบัญชีเป็นเด็กหญิงคนหนึ่ง และบอกต่อไปว่าหลังจากโอนแล้วเมื่อมาส่งน้ำให้มารับเงินกับ ผอ.ได้เลย โดยจะได้ค่าดำเนินการ 500 บาทต่อเงินจำนวน 10,000 บาท หากโอน 50,000 บาท ก็จะได้เงินค่าดำเนินการ 2,500 บาท จึงได้โอนเงินไปให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ 30,000 บาท เนื่องจากตนมีเงินอยู่เพียงแค่นั้น หลังจากนั้นก็เตรียมน้ำดื่มยกขึ้นรถ 20 แพ็คเพื่อจะนำไปส่งโรงเรียนรับเงินค่าน้ำดื่มและก็รับเงินคืนพร้อมค่าดำเนินการ 2,500 บาทส่วนที่โอนไปให้ครู 50,000 บาทด้วย



นายต๋อม เล่าต่อไปว่า ขณะที่ตนขับรถไปส่งน้ำดื่มที่ครูสั่งถึงโรงเรียนบ้านนาสวรรค์ ซึ่งห่างร้านค้าไปประมาณ 700 เมตร จอดรถอยู่ที่หน้าอาคารเรียน ได้มองเห็น นายสุริยา ศรีลาวรรณ ผอ.ร.ร.กำลังนั่งคุยกันกับครูผู้หญิงอยู่ในห้องพักครูชั้นล่างของอาคารเรียนพอดี คิดว่ากำลังนั่งคุยกันเรื่องเงินที่จะเอามาคืนให้ตน จึงนั่งรออยู่ในรถประมาณ 5 นาทีก็มีโทรจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้ามาถามว่าถึงโรงเรียนหรือยัง ตนก็ตอบไปว่าถึงแล้วกำลังจอดรถอยู่ที่หน้าอาคารเรียนและหน้าห้อง ผอ.ที่กำลังคุยอยู่กับครูผู้หญิง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อ้างว่าเป็นครูผู้หญิงรายเดิมก็เลยบอกต่อไปว่าเงินที่โอนมาให้ก็ยังไม่พออยู่ 20,000 บาทตามที่บอกเอาไว้ก่อนคืออยากจะให้โอน 50,000 บาท ตนก็คิดว่าในเมื่อมาเห็นเหตุการณ์ที่ ผอ.กำลังนั่งคุยกับครูผู้หญิงอยู่คงจะกำลังพูดคุยเรื่องจะเอาเงินคืนให้ตน จึงเชื่อใจสนิทว่าเป็นเรื่องจริง จึงบอกผ่านสายไปว่าเดี๋ยวจะโทรให้คนรู้จักโอนให้อีก 20,000 บาท รวมโอนเป็นจำนวน 50,000 บาท แต่ขณะนั่งรอ ผอ.จะนำเงินออกมาให้นานประมาณ 5 นาที จึงตัดสินใจเดินเข้าไปสอบถาม ผอ.โรงเรียนว่าให้เอาน้ำดื่มที่สั่งไว้ไหนดี ซึ่ง ผอ.สุริยา ก็มีทีท่างงงวยว่าครูคนไหนเป็นคนสั่งน้ำดื่มมาสอบถามครูชั้น ป.ไหนๆ ก็ไม่มีใครสั่งน้ำ ส่วนเงิน 50,000 บาทก็ไม่ได้สั่งให้โอนด้วย และก็ไม่ได้ส่งครูและนักเรียนไปประชุมหรืออบรมด้วย จึงรู้ว่าตัวเองโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินซะแล้ว ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 14.30 น.จึงได้ชวน ผอ.สุริยา ที่ถูกแอบอ้างเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองบึงกาฬ ด้วยกัน แต่ขบวนการแจ้งความกว่าจะแล้วเสร็จได้สำเนาถือไปให้ธนาคารกสิกรไทยสาขาบึงกาฬให้อายัดบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งน่าจะเป็นบัญชีม้าโดยเจ้าของบัญชีเป็นชื่อเด็กหญิงก็คงไม่ทันการณ์แล้ว และก็หมดหวังจะได้เงินจำนวน 50,000 คืนด้วย

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากจะขอฝากเตือน ท่านที่ได้ฟังข่าวนี้ให้ระวังแก๊งมิจฉาชีพที่แอบอ้างคนใกล้ชิด หรือว่าคนที่คุ้นเคยในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราเอาความสนิทใจความใกล้ชิด หรือคนเคยนำมาแอบอ้างมันถึงถูกหลอกลวงได้ง่าย เพราะเราเชื่อสนิทใจอยู่แล้วว่าคนที่รู้จักและเคยสั่งซื้อของเขาสั่งซื้อจริง โดยไม่คิดเฉลี่ยวใจหรือทวนถามย้ำให้แน่ใจเสียก่อน เพราะ ผอ.สุริยา ก็คุ้นเคยรู้จักกันดี และเคยสั่งให้นำสินค้าไปส่งให้โรงเรียนด้วย และคนที่อ้างว่าเป็นครูผู้หญิงที่โทรมาสั่งและบอกให้โอนเงินเสียงก็คล้ายคลึงกับเพื่อนผู้หญิงที่เป็นครูอยู่ในโรงเรียนนี้เช่นกัน จากเหตุการณ์ที่เล่ามา มันเหมือนว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้มาดูลาดเลามองหาเหยื่อภายในชุมชนนี้ไว้แล้ว และเข้าไปส่องดูเฟสว่าร้านค้าร้านไหนติดต่อค้าขายกับหน่วยงานใดบ้าง เพื่อเก็บเป็นข้อมูลไว้หลอกเหยื่อให้ตายใจสนิท


อีกรายในวันเดียวกันเวลาเกิดเหตุก็ไล่ๆ กันแต่เหตุการณ์รายนี้เกิดก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง แต่คราวนี้เหยื่อที่ถูกหลอกเป็นหญิงสาวเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้าง แต่ขอให้ผู้สื่อข่าวปิดชื่อนามสกุลจริงและไม่ให้ถ่ายบันทึกภาพ แต่ยินยอมให้บันทึกเสียง สมมติชื่อ น.ส.เอ อายุ 25 ปี ได้เล่าเหตุการณ์กับผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะนั้นเวลาประมาณ 13.20 น.ตนอยู่ในร้านคนเดียว สามีไปทำธุระที่ในเมืองบึงกาฬ มีโทรศัพท์หญิงสาวโทรมาหาอ้างว่าเป็นหมออยู่ที่ รพ.สต.นาสวรรค์ ถามว่าใช่ร้าน ก.ก่อสร้างไหม จึงตอบว่าใช่ ผอ.รพ.สต.มีโครงการส่งหมอไปอบรมการตรวจหาโควิด ขณะนี้กำลังรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินอุดร อยากให้ทางร้านโอนเงินให้ก่อน 70,000 บาทจะให้ค่าโอน 10,000 ละ 500 และบอกเลขบัญชีมาก็เป็นชื่อบัญชีเป็นเด็กหญิงคนเดียวกับที่หลอกให้นายพีระศักดิ์ เนตรวงค์หรือต๋อม โอนให้เช่นกัน เบอร์ที่โทรเข้าก็เป็นเบอร์เดียวกันด้วยคือ 0644259101 และอ้างต่อไปว่า ผอ.กำลังนับเงินจะโอนไปให้หมอที่กำลังจะขึ้นเครื่องอยู่ แต่เกรงจะไม่ทัน โดยพูดสำเนียงพื้นถิ่นอีสาน ตีเนียนสนิทสนมดีมาก น.ส.เอ ตอบว่าไม่รู้จักหมอคนไหนเลย เพราะไม่ได้เข้าไปนานแล้ว และยังตีเนียนถามต่อมา “อ้าวๆ พี่จำหมอไม่ได้เหรอ จำไม่ได้บ่“ น.ส.เอ ก็ยังยืนยันว่าจำไม่ได้ “พี่ว่าหมอที่กำลังพูดชื่ออะไรนะ ป๊าดคุยกันตั้งนานนึกว่าจำได้” น.ส.เอ ตอบว่าไม่มั่นใจ “อ้าวพี่ลองเดาสิว่าชื่อหมออะไร “ น.ส.เอ ตอบว่าไม่ได้ไปอนามัยนาสวรรค์สักครั้ง “พี่รู้จักหมอชื่ออะไรบ้าง “ น.ส.เอยังยืนยันว่าจำไม่ได้จริงๆ  “โอยตาย!!! นี่ชื่อหมอน้อย ผู้น้อยๆ เตี้ยๆ นั่นไง ผู้ที่คนเขาเรียกชื่อหมอน้อยไง” และพูดต่อไปว่า ไม่มีปัญหานะที่ ผอ.จะไม่จ่ายเงิน 70,000 คืนให้ หมอรับประกัน จ่ายค่าโอนหมื่นละห้าร้อยบาท เพราะบ่ายโมงยี่สิบห้านาทีเครื่องก็จะออก ขอให้โอนให้ก่อน หลักประกันก็หมายเลขบัญชีเด็กหญิงและเบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้แหละ นับเงินเสร็จแล้วกำลังจะขับรถออกจากอนามัยเพื่อนำเงินไปฝากโอนที่ธนาคารบึงกาฬ เกรงว่าจะไปไม่ทันเครื่องจะออกเหลือเวลาเพียง 1 นาที น.ส.เอ จึงบอกไปว่าไหนๆ จะออกไปโอนเงินก็เอาเงิน 70,000 มาให้ที่ร้านเลย เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้วเดี๋ยวจะโอนไปให้ก่อน แก๊งมิจฉาชีพก็ตอบว่าจ้าอีก 2 นาทีถึงร้าน

แต่หลังจากโอนเสร็จรอประมาณ 2 นาทีก็ไม่เห็นหมอเอาเงินมาคืนให้ จึงขี่ จยย.ไป รพ.สต.นาสวรรค์ เพื่อตามไปเอาเงินคืน แต่เจ้าหน้าที่หรือหมอคนไหนก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ และไม่มีคนชื่อ “หมอน้อย” ด้วย จึงโทรกลับไปที่เบอร์โทรมาหาก็ปิดสายแล้ว จึงรู้ว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกแล้ว จึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ “เงินจำนวนนี้เก็บรวบรวมเอาไว้เพื่อสั่งซื้อของมาขายอีก วัสดุยิ่งไม่ได้ขายเงินก็หายาก ยังมาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินอีก” น.ส.เอ บ่นเจ็บใจให้กับตัวเองที่ไม่รอบคอบ รพ.สต.ห่างจากร้านก็แค่ 750 เมตรแทนที่จะขี่ไปสอบถาม ไม่งั้นก็ไม่เสียรู้สูญเสียเงินด้วย.






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.