ชาวบ้านเดือดร้อน "พลายไข่นุ้ย" อาละวาดไม่หยุด บุกทำลายพื้นที่เกษตร วอนช่วยเหลือ
25 ก.ค. 2565, 14:19

วันที่ 25 ก.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงาน ช่วงเวลากลางคืนของทุกคืน ได้มีช้างป่าเชือกหนึ่ง ชื่อ”พลายไข่นุ้ย” ซึ่งช้างป่าวัยรุ่นอายุ13-15ปีที่พลัดหลงจากฝูงมาจากเทือกเขาอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อ.นาสาร จ.สุราษฎร์ธานี เข้ามาอาศัยอยู่ในป่าเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ในเขตท้องที่ หมู่ 1,หมู่ 2และหมู่ 10 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ตลอดระยะเวลา 3-4เดือนเศษที่ผ่านมา ได้สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำมาโดยตลอด โดยทุกค่ำคืนช้างป่าเชือกดังกล่าวจะออกจากป่าที่ซ่อนอยู่ลงมาหากินในหมู่บ้าน ด้วยการทำลายพืชผลทางการเกษตร ต้นทุเรียน พืชผลเรือกสวนต่างๆของชาวบ้านเสียจำนวนมาก รวมทั้งอาละวาดทำลายข้างของทรัพย์สินต่างๆของชาวบ้านเสียหายไปจำนวนมาก จนชาวบ้านในพื้นที่ต่างหวาดผวาไม่กล้าออกไปกรีดยางในช่วงกลางดึกเพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากช้างป่า”พลายไข่นุ้ยจอมเกเรเชือกดังกล่าว จนชาวบ้านต้องหลบซ่อนอยู่ในบ้านหรือบางคนต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติในที่ปลอดภัยเพราะไม่ได้รับความปลอดภัย แต่ยังไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขความเดือดร้อนของชาวบ้านอย่างจริงจัง มีเพียง จนท.อุทยานแห่งชาติเขานันและฝ่ายปกครองในพื้นที่เฝ้าระวังเหตุขับไล่ช้างป่าแบบตามมีตามเกิดทุกคน
ล่าสุดเมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24กค.ที่ผ่านมา นายราชิต ราชประดิษฐ กำนันตำบลกรุงชิง อ.นบพำต พร้อมด้วย ผู้ใหญ่จเร รัตนวงศ์ ม.2 ผู้ใหญ่กัมปนาท ราชประดิษฐ ม.4 ผู้ใหญ่ประมวล แก้วนุ่น ม.10 ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ร่วมกับ นายจริน จันทร์ชุม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง สมาชิกสภาองค์การบริหารตำบลกรุงชิง ชาวบ้านจิตอาสา และ เจ้าหน้าที่อุทยานเขานัน จำนวน 30 นาย ได้ร่วมกันลงพื้นที่ ม.1 ม.2 ม.10 ตำบลกรุงชิง เพื่อติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานเขานัน หลังจากเวทีประชุมที่ อบต.กรุงชิง เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2565 ถึงการทำงานในการ ติดตามผลักดัน เฝ้าระวังช้างป่า ที่กำลังสร้างความหวาดกลัว สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินให้กับชาวบ้านตำบลกรุงชิง อยู่ในขณะนี้ ซึ่งเป็นปัญหาอยู่กว่า 3 เดือนผ่านมาแล้ว
การปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ ฝ่ายปกครองตำบลกรุงชิง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง ส.อบต. ชาวบ้านจิตอาสา ได้นำ อาหาร น้ำดื่ม ขนม ชาและกาแฟ ไปให้กับเจ้าหน้าที่อุทยานเขานัน ชุดที่มาปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังช้างป่าเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้าน รวมถึงความปลอดภัยของช้างป่าด้วย
นายราชิต กล่าวว่า สรุปผลการปฏิบัติงาน จากการลงพื้นที่ทำงานร่วมกันในวันนี้ ทำให้เห็นถึง นโยบายที่นำมาใช้และให้กับชุดปฏิบัติงานเฝ้าระวังช้างป่าและแนวทางการทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานเขานันชุดปฏิบัติงาน ในการนำนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ที่ผ่านมาว่า “ยังมืดมิดไม่เห็นแสงสว่าง ที่ปลายอุโมงค์” นั้นหมายความว่า การทำงาน 5 วันที่ผ่านมาของเจ้าหน้าที่อุทยานเขานัน ชุดปฏิบัติงานในการติดตาม ผลักดันช้างป่า ให้เข้าป่า นั้นแทบจะไม่มีอะไรที่ดีกว่าเดิม มิหนำซ้ำมีแต่จะเลวร้ายลงกว่าเดิม เพราะช้างป่ายังคงวนเวียนอยู่ที่เดิมและทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านหนักมากกว่าเดิม จนชาวบ้านหวาดระแวง ไม่กล้าที่จะออกไปประกอบอาชีพกรีดยางตามปกติได้ ทำให้ขาดรายที่ใช้เลี้ยงครอบครัว ในสภาวะเศรษฐกิจที่ “ข้าวยาก หมากแพง” ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ขณะนี้
เจ้าที่ฝ่ายปกครองตำบลกรุงชิง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิงและชาวบ้านตำบลกรุงชิง เห็นว่า “ควรจะปรับเปลี่ยนนโยบาย” การเฝ้าระวังติดตามผลักดันช้างป่าตัวนี้ด้วยวิธีอื่นเสียใหม่ คือ การทำอย่างไรก็ได้ ที่จะเอาช้างป่าตัวนี้ออกจากพื้นที่ตำบลกรุงชิง โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ก่อนทุกคนจะเหนื่อยล้า และหมดความอดทน เพื่อความปลอดภัยของทั้งชาวบ้านและช้างป่า อยากให้ทางหน่วยเหนือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงที่เกี่ยวกับเรื่องหาทางขับไล่ช้างป่าตัวนี้ออกไปจากพื้นที่ได้เข้ามาดูแลอย่างจริงจัง นายราชิต กำนัน ต.กรุงชิง กล่าวในที่สุด