เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมเชิงยุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ปูทางสู่การค้าเสรี


21 มิ.ย. 2565, 19:17



ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมเชิงยุทธศาสตร์ ไทย-อังกฤษ ปูทางสู่การค้าเสรี




วันนี้ ( 21 มิ.ย.65) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ว่า ครม.เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการหารือเชิงยุทธศาสตร์ไทย - สหราชอาณาจักร ครั้งที่ 4 (4th Session of Thailand - United Kingdom Strategic Dialogue: SD) ซึ่งจะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมในวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยสหราชอาณาจักรเป็นเจ้าภาพ  

ร่างแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการส่งเสริมและขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างสองประเทศในสาขาต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน อาทิ

1.ด้านการต่างประเทศ อาทิ 1)จัดทำความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตระหว่างสองประเทศ 2)ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดผ่านเวทีพหุภาคี 

2.ด้านเศรษฐกิจ เช่น 1)ร่วมมือกันจัดการกับอุปสรรคทางการค้า 2)พัฒนาความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าระดับสูง (Enhanced Trade Partnership: ETP) ซึ่งเป็นการวางรากฐานสู่การจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA)  และ 3)รับทราบแผนการขยายความร่วมมือทางวิชาการในสาขาการเงิน

3.ด้านความมั่นคง เช่น 1)จัดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักร 2)ความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงทางทะเลของทั้งสองประเทศ เพื่อปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของท่าเรือพาณิชย์หลักของไทย



4.ด้านสาธารณสุข อาทิ พัฒนาข้อเสนอการจัดทำตราสารระหว่างประเทศว่าด้วยโรคระบาดผ่านกลไกการเจรจาระหว่างรัฐภายใต้องค์การอนามัยโลก และความร่วมมือด้านสาธารณสุขในสาขาต่าง ๆ

5.ด้านการศึกษา อาทิ ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนด้านการอุดมศึกษา โดยแลกเปลี่ยนการวิจัยระหว่างกัน 

6.ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ 1)ร่วมกันหาแนวทางจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)  2)สหราชอาณาจักรสนับสนุนไทยในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2065

7.ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรมและดิจิทัล อาทิ สนับสนุนความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาคเอกชน สถาบันวิจัย และสถาบันอุดมศึกษา เพื่อแลกเปลี่ยนและพัฒนาขีดความสามารถด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Science Technology and Innovation: STI) 

8.ด้านอาเซียน อาทิ กระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับสหราชอาณาจักร และร่วมกันทำงานเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการจัดการภัยพิบัติต่อวิกฤตในเมียนมา







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.