เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



สธ. เผยไทยมี "วัคซีนฝีดาษ" กว่า 5 แสนโดส ประสิทธิภาพพร้อมใช้งาน


18 มิ.ย. 2565, 16:04



สธ. เผยไทยมี "วัคซีนฝีดาษ" กว่า 5 แสนโดส ประสิทธิภาพพร้อมใช้งาน




เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2565  นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบวัคซีนฝีดาษที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เก็บแช่แข็งรักษาไว้ ว่า หลังปี 2523 ที่ยุติการระบาดฝีดาษหรือไข้ทรพิษก็ยกเลิกการฉีดวัคซีนฝีดาษหรือการปลูกฝี จึงมีวัคซีนซึ่งขณะนั้นประเทศไทยผลิตได้เองเหลือเก็บไว้จนถึงตอนนี้กว่า 40 ปี เป็นวัคซีนลักษณะผง (Dry freeze) มี 10,000ไวอัลในจำนวน 13 ล็อต ใน 1 ไวอัลฉีดได้ 50 โดส เมื่อคำนวณจะเท่ากับมีประมาณ 5 แสนโดส เบื้องต้นที่กรมวิทย์ฯ นำมาทดสอบประสิทธิภาพผลปรากฏสามารถฟื้นตัวได้ดี และออกฤทธิ์ได้แรงดี วัคซีนฝีดาษชนิดผงนี้ทำมาจากวัคซีนฝีดาษวัวซึ่งเป็นเชื้อเป็นที่ทำให้อ่อนแรง เป็นวัคซีนรุ่นแรก ที่รูปแบบการนำมาใช้จะสะกิดให้ผิวหนังเป็นแผลและนำผงวัคซีนแตะแปะไว้ ก็จะเกิดเป็นฝีแล้วกลายเป็นสะเก็ดแห้งจากนั้นก็จะไปสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ในขณะที่วัคซีนฝีดาษปัจจุบันเป็นรุ่นที่สามที่ใช้ฉีดเข้าผิวหนัง



นพ.ศุภกิจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง มีตนเป็นประธาน มีศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงผู้แทนจากองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มาช่วยกันตรวจทดสอบวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมว่า ใน 1 ไวอัลที่มี 50 โดสนั้นทั้ง 50 โดสยังมีประสิทธิภาพความแรงอยู่หรือไม่ ดูแนวโน้มว่าน่าจะให้ผลได้ดี ส่วนที่สองจะต้องตรวจเรื่องสารปนเปื้อน มีเชื้อหรือราต่างๆ หรือไม่ เนื่องจากเก็บไว้นานกว่า 40 ปี แต่คาดว่าจะไม่มีปัญหาเนื่องจากเป็นผงแห้งที่บรรจุในขวดแก้วปิดสนิท รวมถึงคงต้องตรวจทั้ง 13 ล็อตที่จัดเก็บไว้ทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาตรวจอีก 2 สัปดาห์จะทราบผล ส่วนวัคซีนรุ่นหนึ่งนี้จะสามารถพัฒนารูปแบบการใช้เป็นรุ่นสามได้หรือไม่ ก็กำลังศึกษาเช่นกัน อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์โรคฝีดาษลิงขณะนี้ดูแนวโน้มว่าจะไม่มีปัญหาร้ายแรง เพราะการติดเชื้อค่อนข้างยากต้องผ่านการสัมผัสอย่างใกล้ชิดถึงลูกถึงคน แต่เราก็ไม่ประมาทอย่างน้อยเราก็มีอยู่ในมือ 5 แสนโดสหากมีความเสี่ยงคงไม่ได้ฉีดทั่วไป คงพิจารณาเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อ ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนตัวนี้ เนื่องจากเป็นการใช้เมื่อ 40 ปีที่แล้วซึ่งเทคโนโลยียังไม่ได้ก้าวหน้าเช่นปัจจุบัน เท่าที่มีรายงานก็มีผลทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อบุสมองอักเสบแต่น้อยมาก







Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.