วันที่ 13 กันยายน 2562 ได้รับแจ้งนายสมพงษ์ รูปสูง ผู้ใหญ่บ้านโนนหัวช้าง หมู่ที่ 13 ต.บัวใหญ่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ว่าชาวบ้านที่ปลูกข้าวนาปีได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากต้นข้าวเป็นโรคใบไหม้ระบาดเป็นบริเวณกว้างทั้งหมู่บ้าน เนื่องจากปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวน บางรายนำยาปราบศัตรูฉีดพ่นเพื่อไม่ให้เชื้อราขยายวงกว้างสร้างความเสียหายไปมากกว่าเดิม

จากนั้นจึงได้ลงตรวจสอบยังพื้นที่นาที่ต้นข้าวเป็นโรคใบแห้งบริเวณทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ พบชาวนาบางรายกำลังพ่นยาปราบศรัตรูพืช พร้อมกับเก็บวัชพืชออกจากนาข้าว โดยข้าวในที่นาบางแปลงนั้นใบไหม้เน่าตายทั้งแปลง บางต้นข้าวกำลังเขียวขจีแต่ยังสูงมากนักเนื่องจากพึ่งรอดพ้นจากภัยแล้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา

นายสมพงษ์ เล่าว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมชาวนาได้ทำการหว่านข้าวเริ่มทำนา โดยส่วนมากจะเป็นข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6 แต่ก็เจอปัญหาภัยแล้ง ชาวนาก็ยืนดูผืนนาตาละห้อยว่าข้าวที่ปลูกไว้จะยืนต้นตายอย่างแน่นอน จนมาถึงเดือนสิงหาคมมีพายุโพดุลเข้าผืนนามีน้ำเข้านา ข้าวที่รอวันตายได้ฟื้นตัว ทำให้ชาวนายิ้มออก แต่ยิ้มได้ไม่นานฝนที่ตกติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำท่วมที่นาซ้ำเติมอีก แต่ก็ยังโชคดีที่พายุได้อ่อนกำลังลงทำให้น้ำท่วมไม่นาน

 

แต่โชคร้ายยังมาซ้ำเติมกับชาวนาอีกหลังจากน้ำได้ลดปรากฏว่าข้าวที่กำลังจะยืนต้นแข็งแรงกลับถูกเชื้อราทำให้ใบข้าวไหม้ได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็ว และขยายวงกว้างออกไปเป็นบริเวณกว้าง ชาวนาบางรายที่พอจะมีกำลังในการทำนา มีเครื่องพ่นยา มีเงินซื้อยาก็สามารถควบคุมบริเวณของเชื้อราในข้าวได้ แต่ชาวนาบางรายไม่สามารถที่จะคุมโรคได้ข้าวเน่าตายหลายแปลง ซึ่งตนเองได้นำเรื่องดังกล่าวแจ้งไปยังเกษตรอำเภอให้รับทราบเพื่อหาทางช่วยเหลือแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่เกษตรแจ้งว่าจะต้องให้มีการประกาศเป็นภัยพิบัติก่อนถึงจะมีงบประมาณมาช่วยเหลือซื้อยาปราบศรัตรูพืช

ผู้ใหญ่บ้านโนนหัวช้าง กล่าวอีกว่า สำหรับความเสียที่เกิดจากโรคใบไหม้มีบริเวณมากกว่า 1,000 ไร่ โดยเฉพาะในตำบลบัวใหญ่ อำเภอน้ำพอง ซึ่งเชื้อราดังกล่าวได้ละบาดมากว่าสองอาทิตย์แล้ว จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือชาวนาโดยเร่งด่วนก่อนที่โรคใบไหม้ในข้าวจะขยายวงกว้างไปมากกว่านี้