เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



บุกจับ ! "แรงงานเมียนมา" ลักลอบข้ามแดนไทยเกือบ 300 ราย พบ "ผญบ.หญิง" เอี่ยวการค้ามนุษย์ !


17 ก.พ. 2565, 08:48



บุกจับ ! "แรงงานเมียนมา" ลักลอบข้ามแดนไทยเกือบ 300 ราย พบ "ผญบ.หญิง" เอี่ยวการค้ามนุษย์ !




เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 16 ก.พ.65 ที่บริเวณอาคารอเนกประสงค์ ร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร พันตำรวจเอก ภูมิชาย พันธุ์กล้า ผู้กำกับการ ตชด.ที่ 14 ค่ายพระมงกุฎเกล้า ได้มอบหมายให้พันตำรวจโท ทวี ภาน้อย ผู้บังคับกองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ทำการสอบสวนจัดทำประวัติกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ จำนวน 159 ราย ก่อนส่งดำเนินคดีตามกฎหมายที่ สภ.คลองวาฬ และประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาเก็บตัวอย่างตรวจเชื้อ covid19 ภายหลังสืบทราบว่าจะมีกลุ่มขบวนการขนแรงงานต่างด้าวลักลอบข้ามแดนไทย โดยอาศัยช่วงพายุฝนกระหน่ำลักลอบข้ามแดน บริเวณช่องทางธรรมชาติ หมู่ 5 บ้านหุบผึ้ง ตำบลห้วยทราย อำเภอเมืองประจวบ จึงได้สนธิกำลังร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองวาฬ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัด ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองประจวบ กำนันตำบลคลองวาฬ เฝ้าปิดล้อมสกัดจับกุมกลุ่มขบวนการขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รอให้แรงงานชาวเมียนมาร์ทั้งหมดขึ้นรถของผู้ที่นำพาจนครบทั้งหมดแล้วแสดงตัวเข้าจับกุม แต่รถดังกล่าวเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ติดตามพร้อมประสานให้เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งนำรถบรรทุกปิดกั้นขวางทางไว้จนสามารถจับกุมได้พร้อมคนทำพาทั้งหมด โดยมีรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว หมายเลขทะเบียน กค 6989 ประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้นำทางขบวนรถหลบหนีจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งจากการตรวจค้นในรถพบว่ามีผู้ใหญ่บ้านหญิง เขตพื้นที่อำเภอเมืองประจวบพร้อมสามีเป็นผู้นำทาง และได้อาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอทิ้งรถหลบหนีไปในความมืด ในรถยังพบกระเป๋าแบบผู้หญิง หมวกกรมการปกครอง กระบองไฟ กาแฟ หม้ออะลูเนียม และเอกสาร สัมภาระอื่นๆ



จากการสอบสวนชาวเมียนมาร์ทราบว่า ได้เดินทางมาจาก รัฐยะไข่ เมาะลำไย มะริด ทวาย ย่างกุ้ง จะไปขายแรงงานตามพื้นที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่างๆในประเทศไทยตามออเดอร์หมายสั่ง เนื่องจากฝั่งประเทศเมียนมาร์ มีการสู้รบทำให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ไม่มีอาชีพ และมี covid ระบาด ถึงได้ตัดสินใจพากันหนีข้ามแดนมาหางานทำเพื่อความอยู่รอด โดยเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวได้จำนวน 159 ราย แบ่งเป็นชาย 94 คน หญิง 65 คน พร้อมผู้นำพา 6 คน มีคนไทย 1 คน และเมียนมาร์ 5 คน ยึดรถ 6 คัน

โดยในส่วนของผู้นำพาให้การยอมรับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายหน้าที่ จ.สมุทรสาครให้มาขนแรงงานต่างด้าวไปส่งตามจุดนัดพบในจังหวัดนครปฐม จ.สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ ตามคำสั่งออเดอร์ โดยได้รับค่าจ้างหัวละ 2,000 บาท โดยมีรถในทีมทั้งหมด 5 คัน เป็นรถกระบะติดลูกกรง และรถกระบะติดตู้ทึบลักษณะเหมือนรถขนส่งสินค้าเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งทำมาแล้ว 5 ครั้ง และในแต่ละครั้งนายหน้าแจ้งว่าได้เคลียร์เจ้าหน้าที่ตามเส้นทางต่างๆไว้หมดแล้ว คันละ 5,000 บาท พร้อมกับให้นำเอาสติ๊กเกอร์มาติดที่บริเวณกระจกหน้ารถเพื่อเป็นสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ให้ผู้นำพาที่ขับรถแต่ละคันมาชี้รถเก๋งที่คอยขับนำทางหลบหนีเจ้าหน้าที่ออกจากชายแดนว่าใช่คันเดียวกันหรือไม่

จุดที่ 2 ในเวลาไล่เลี่ยกันที่บริเวณหมู่ 9 บ้านมะขามโพรง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ สามารถจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ได้เพิ่มเติมอีก 23 คน พร้อมผู้นำพา 1 คน เป็นชาย 13 คนหญิง 10 คน จึงได้นำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมรอเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อ covid19 ก่อนส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย


จุดที่ 3 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดนำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกันจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์ได้เพิ่มเติมอีก ประมาณ 77 คน ไม่มีผู้นำพา กำลังหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าบริเวณหมู่ 6 บ้านทุ่งเคล็ด ต.เกาะหลัก จึงได้ควบคุมตัวส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ดำเนินนำส่งกลับมาตุภูมิ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายต่อไป

และจุดที่ 4 ที่บริเวณจุดตรวจเขาดิน หมู่ 9 บ้าน กม.12 ตำบลอ่าวน้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดประจวบ ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองประจวบ ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ. และตำรวจภูธรอ่าวน้อย ได้ร่วมกันจับกุมแรงงานต่างด้าวได้เพิ่มเติมอีกจำนวน 19 ราย แบ่งเป็นชาย 18 ราย หญิง 1 ราย ไม่มีผู้นำพา จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดส่งให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ดำเนินการส่งกลับมาตุภูมิต่อไป ซึ่งจากการสนธิกำลังบูรณาการของเจ้าหน้าที่หลายหน่วยครั้งนี้ สามารถจับกุมแรงงานเถื่อนชาวเมียนมาได้รวมทั้งสิ้น 278 คน

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทางด้านมนุษยธรรมในการดูแลชาวเมียนมาร์ เป็นค่าอาหารวันละ 100 บาทต่อคน จำนวน 14 วัน ตามระยะเวลาการกักตัว ค่าตรวจเชื้อโควิดแบบ RT-PCR รายละ 1,200 บาท เป็นจำนวนกว่า 5 แสนบาท






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.