วันนี้ 3 ก.พ. 65 ผู้สื่อข่าว ONB news ได้เดินทางไปพบกับ นางสาวพภัสสรณ์ ปิ่นจุ อายุ 37 ปี หรือน้องนุ่น ซึ่งเป็นภรรยา ที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องของเสี่ยก้อง ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง ได้แจ้งมาว่าจะต้องไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก “น้องนุ่น” จึงแจ้งไปว่าเรื่องคดีตนเองได้นัดกับทาง นายษิทรา  เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ไปแล้วให้มาทำคดีให้ จึงแจ้งทางพนักงานสอบสวนไปว่ารอให้ทนายตั้มมาก่อนแล้วจะเข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่อีกครั้งหนึ่ง

โดยทนายตั้ม ได้พูดคุยในเบื้องต้นไปแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมทนายตั้ม ได้ขอคลิปไปดูแล้ว และได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับฐานความผิดมีอยู่ 2 ประเด็น ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ตนก็รอทนายตั้ม นัดเพื่อลงมาคุยกับ น้องนุ่น อีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เบื้องต้นตนเองได้คุยกับ ทนายตั้มไปเบื้องต้นว่าให้ช่วยเหลือคดีให้กับนุ่น ซึ่งนุ่นก็อยากจะสู้เพื่อสามี สู้เพื่อลูกให้ถึงที่สุด ส่วนผลจะออกมาอย่างไร ก็ขอให้สามีได้รับความยุติธรรมมากที่สุด

สำหรับปัญหาต่างๆ ตนเองก็ไม่คิดจะเลวร้ายขนาดนี้ เดิมช่วงแรกๆ นุ่นก็อยู่เฉยๆ นิ่งๆ แต่ทาง น้องแหม่ม ก็ได้ไปตามสามีถึงที่บ้าน และตามสถานที่ขายเกาลัด ก็ไปเจอกันบ่อยๆ ปะทะกันอยู่หลายครั้งเหมือนกัน น้องแหม่มไปอาลวาดทั้งที่ร้านขายของ หรือที่บ้านของเรา ตนเองได้รับรู้ได้ในช่วงนั้น และช่วงเวลาประมาณ 2 ปี ได้เกิดทะเลาะกันมา ปะทะกันมา ตนเองก็เริ่มเหนื่อย จึงขอหยุดตาม จึงขออยู่คนเดียว ได้บอกกับสามีว่าหากจะไปอยู่กับทางน้องแหม่ม่ ก็ไปได้เลยไม่ต้องมายุ่งกับชีวิตตนเองอีกเพราะเหนื่อยมาก แต่หลังจากนั้นสามีเราก็ทำตัวดีขึ้นอยู่กับตนเองและลูก กลับมาหาครอบครัวเหมือนเดิม ดูแลเราดูแลลูก รับส่งลูกไปโรงเรียนปกติ มาอยู่กับครอบครัวปกติ ตนเองดูแล้วคงจะไม่น่ามีอะไร แต่ลึกๆ เราก็ยังวิตกไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน ตนเองก็ยังเกิดความระแวงอยู่เป็นนัยๆ ไม่เคยคิดว่าสามีไปคบกันถึงขนาดตั้งท้อง สามีบอกว่าเขาไปเจอกันตามงานที่ขายของเท่านั้น เพราะเป็นพ่อค้าแม่ค้าเหมือนกัน อาจจะต้องมีเรื่องงานที่จะต้องคุยกันบ้าง ตนเองก็เลยคิดว่าหากเป็นแค่นั้นเราก็ไม่ได้ว่าอะไร และนุ่นก็เพิ่งมารู้ความจริงเมื่อ 3 เดือนที่แล้วนี่เองว่า ทางฝ่ายผู้หญิงเขาท้อง ตนก็เลยถามสามีไปว่าไหนบอกว่าไม่มีอะไรแล้ว บอกว่ามีแค่เรื่องงานแต่ทำไมเขาท้องได้ ทั้งๆที่สามีได้มาสารภาพกับเราเองว่าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวด้วยแล้ว ตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ บอกกับทางสามีไปแล้วว่าขอให้ไปเคลียร์กับเขาให้จบแก้ไขปัญหาของตัวเองว่าคุณจะเอาอย่างไร อย่างปล่อยให้มันอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว พูดกับสามีชัดเจนแล้ว แล้วสามีก็สัญญากับตนเองแล้ว สามีบอกว่าจะกลับมาอยู่กับ น้องนุ่น มาอยู่กับลูก จะขอเวลาเคลียร์ปัญหานี้ซักระยะหนึ่ง

ส่วนลูกสาวช่วงนี้ก็มีถามหาพ่อบ้างตนเองก็ได้อธิบายกับลูกตลอด ลูกก็บอกว่าแล้วเขาจะกอดป๊าได้อย่างไร เมื่อเจอป๊าแล้วจะต้องทำอย่างไร แล้วลูกเคยบอกว่าได้นอนขวัญถึงป๊า บอกว่าป๊ามาหาในช่วงแรกที่เสียชีวิตไป บอกว่าป๊ามาหา ลูกบอกว่าป๊าบอกว่ารักเขามาก และบอกให้คอยดูแลน้องด้วยนะหากป๊าไม่อยู่ และหลังจากนี้ไปเมื่อสามีไม่อยู่แล้วก็ต้องดูแลต้องเป็นเสาร์หลักของครอบครัว เพราะตนเองก็ได้ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เป็นอาชีพหลัก อาชีพเสริมก็คือ นุ่น มีเพส จำหน่ายเกาลัด อยู่ก็จะเป็นอาชีพเสริมอีกทางหนึ่ง นอกจากเกาลัด แล้วยังมีมะตูมเชื่อม จำหน่ายแก่ลูกค้าในเพสหรือท่านใดสนใจสั่งซื้อได้เป็นอาชีพเสริมเพื่อเลี้ยงลูกทั้ง 2 คน ในอนาคตต่อไป