"หนุ่มวัย 21" น้อยใจพี่ชาย ไม่ให้เงินใช้ ตัดสินใจผูกคอดับ
7 ก.ย. 2562, 09:20

วันที่ 6 ก.ย.62 เวลา 20.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.สาโรจน์ รัตนวิโรจน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์ 191 เมืองสระบุรี ว่ามี คนผูกคอตายที่โกดังวินสระบุรี ขาย-รับซ่อม ให้เช่าเครื่องถ่ายเอกสาร ที่ บ้านเลขที่ 49/3 ม.2 ต.ดาวเรือง อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้รุดไปตรวจที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี
จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบนางฉะเหลา พาเกรียว  อายุ 48 ปี   ซึ่งเป็นแม่ของผู้ตาย ได้นั่งร้องไห้อยู่ใกล้ๆกับศพลูกชาย ชื่อนาย สราวุธ กุลธนาพงศ์ อายุ 21 ปี  เลขที่ 60/4 ม.6 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ตามบัตรประชาชน  ในสภาพนอนตายหงายอยู่กับพื้นปูน สวมเสื้อยืดสีเหลือง  กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินลายดอกไม้  และพบเชือกไนร่อนสีเขียวผูกต่อกับเศษผ้า มัดเป็นเกรียวห้อยอยู่ที่บันไดทางขึ้นภายในโกดัง ซึ่งญาติได้นำศพลงมานอนกับพื้นก่อนที่เจ้าหน้าตำรวจจะเดินทางมาถึง 



เบื้องต้นได้สอบถาม นาย บิน กุลธนาพงศ์ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นพี่ชาย และทำงานอยู่ที่โกดังดังกล่าว เล่าให้ฟังว่า น้องชายของตนเองเป็นคนติดยาเสพติดมานานแล้ว ตนพยายามพาไปรักษาอยู่หลายครั้งก็ดีขึ้น แต่น้องชายชอบลักเงินของตนเองครั้งละเป็นพัน ไปซื้อยาบ้ามาแอบดูด ตนเองได้สังเกตการณ์กระทำของน้องชายมาโดยตลอด ว่าได้เสพยาเสพติด จึงได้ตักเตือนและมีการลงไม้ลงมือบ้างเป็นบางครั้ง แต่น้องชายก็ไม่เข็ด ตนจึงไม่ได้ให้เงินน้องใช้ แต่ถ้าอยากกินอะไรจะซื้อให้กิน จนมาวันนี้เห็นน้องชายเหม่อลอย ก็คิดว่าน่าจะเสี้ยนยาบ้าเป็นแน่แท้ ลักษณะเบลอตนเองจึงปล่อย คิดว่าน้องน่าจะทนเสี้ยนกับยาบ้าได้ ตนเองจึงได้ไปล้างรถหน้าโกดัง จนเสร็จไปแล้ว1คัน พอจะล้างคันที่ 2 ก็ไม่เห็นน้องอยู่แถวนั้น จึงได้เดินหาก็พบว่าน้องผูกคอตายห้อยโตงเตงอยู่ที่บันไดทางขึ้น ตนจึงได้รีบไปช่วยแกะและรีบอุ้มน้องชายมานอนกับพื้น จึงแน่ใจว่าน้องชายเสียชีวิตแล้ว จากนั้นได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจที่เกิดเหตุดังกล่าว ส่วนเชือกที่ใช้ผูกคอตาย มีทั้งเชือกไนร่อนและเศษผ้า ตนคิดว่าน้องชายน่าจะเอาเชือกผ้ามาผูกก่อนแล้วเกิดขาด จึงได้ไปนำเชือกไนร่อนมามัดกันเป็นเกรียว แล้วผูกคอตาย
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์ได้สอบถาม นางฉะเหลา พาเกรียว  เรื่องการตายของลูกชาย ว่าติดใจอะไรหรือเปล่า นางฉะเหลาได้ตอบว่า ไม่ติดใจเอาความ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มอบศพให้กับนาง ฉะเหลา เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป





 
                     
                     
                     
                     
                         
                         
                         
                        




