เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



มท.1 กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ช่วงวันตรุษจีน 2565


21 ม.ค. 2565, 10:54



มท.1 กำชับผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 ช่วงวันตรุษจีน 2565




วันนี้ (21 ม.ค. 65) พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 30 ม.ค. – 1 ก.พ. 65 เป็นช่วงวันตรุษจีน ซึ่งตามประเพณีปฏิบัติของชาวไทยเชื้อสายจีน จะมีการจุดธูปเทียนบูชาเซ่นไหว้ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง จุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง ที่อาจเป็นสาเหตุการเกิดอัคคีภัย รวมถึงอุบัติภัยขนาดใหญ่ได้ นอกจากนี้ ในช่วงวันตรุษจีนยังเป็นช่วงวันหยุดพักผ่อนของชาวไทยเชื้อสายจีน จึงมักจะมีการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการจราจรทั้งทางบก และทางน้ำ สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมทั้งเป็นเทศกาลที่อาจมีคนมารวมตัวกันและทำกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากอัคคีภัยและอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วงวันตรุษจีน จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ดำเนินการด้านเตรียมความพร้อม โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่สำรวจ ตรวจสอบ และปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยให้เป็นปัจจุบัน ซักซ้อมการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เกิดความชัดเจน พร้อมกำชับให้ผู้อำนวยการและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เข้มงวดตรวจตราอาคารสถานที่ โป๊ะ ท่าเทียบเรือโดยสาร หากพบมีสภาพไม่มั่นคง แข็งแรง ให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าซ่อมแซม และเตรียมความพร้อมบุคลากร อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย พร้อมปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง 



"ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และเจ้าพนักงานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวัง ตรวจตรา อาคารบ้านเรือน พื้นที่ชุมชน สถานประกอบการ และสถานบริการ โดยเฉพาะสถานที่ที่มีการจัดงาน และมีการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง ในการบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนลดกิจกรรมการเผาทุกชนิดในช่วงวันตรุษจีน เพื่อลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และอันตรายจากอัคคีภัยที่มีสาเหตุจากการจุดธูปเทียนบูชา เซ่นไหว้ เผากระดาษเงิน กระดาษทอง การจุดประทัดตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันและระงับอัคคีภัย" พลเอก อนุพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ 

นอกจากนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยังได้กล่าวถึงการดำเนินการในด้านการเผชิญเหตุ โดยให้จัดชุดเจ้าหน้าที่ และสั่งใช้สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) บูรณาการกำลังร่วมกับหน่วยราชการ ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเชิญชวนประชาชนจิตอาสา เฝ้าระวังสถานที่ และกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย เช่น การจุดประทัด ดอกไม้เพลิง รวมทั้งความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอุบัติภัยอื่น ๆ ได้โดยง่าย และจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์กู้ภัย ไฟฟ้าส่องสว่าง ประจำในพื้นที่หรือชุมชนที่มีความเสี่ยงภัย เพื่อเฝ้าระวังเหตุ โดยต้องพร้อมปฏิบัติงานได้ทันที และสำหรับพื้นที่ที่มีการจัดงานวันตรุษจีน และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้จัดระเบียบการจราจร และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร เฝ้าระวังความปลอดภัยบริเวณที่มีประชาชนหนาแน่น และหากเกิดอัคคีภัย อุบัติภัยหรือสาธารณภัยอื่นที่มีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก ให้ดำเนินการตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และรายงานให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลางทราบทันที


พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด–19) จึงให้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข โดยเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พื้นที่/สถานที่ที่มีความเสี่ยงในช่วงเทศกาลตรุษจีน ในสถานที่ ได้แก่ ร้านอาหาร ตลาด ศาลเจ้า หรือสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มเครือญาติ โดยยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับการจัดกิจกรรมในช่วงเทศกาลตรุษจีนตามมาตรการความปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ในช่วงวันที่ 28 มกราคม 2565 - 3 กุมภาพันธ์ 2565 และรณรงค์ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค DMHTTA ทั้งการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 2 เมตร การสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา การล้างมือด้วยน้ำสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การหมั่นตรวจเช็คอุณหภูมิร่างกาย การหมั่นตรวจหาเชื้อ COVID-19 และใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะเมื่อไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อจะได้เฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลตรุษจีน ตามชีวิตวิถีใหม่ New Normal ต่อไป






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.