เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ชป.เฝ้าระวัง-เตรียมรับมือน้ำหลากภาคใต้ 7-13 พ.ย.นี้ หลังฝนจ่อถล่มหนัก


7 พ.ย. 2564, 17:46



ชป.เฝ้าระวัง-เตรียมรับมือน้ำหลากภาคใต้ 7-13 พ.ย.นี้ หลังฝนจ่อถล่มหนัก




วันนี้ ( 7 พ.ย.64 ) จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 7 - 13 พฤศจิกายน 2564 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในระยะแรก หลังจากนั้นจะมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 27/2564 เรื่องเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินถล่ม และน้ำล้นอ่างเก็บน้ำ ได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ พบว่าในช่วงวันที่ 7 – 13 พฤศจิกายน 2564 มีพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง ดังนี้



เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก บริเวณที่ลาดเชิงเขา ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สตูล พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส 

เฝ้าระวังระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำล้น บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายอ่างเก็บน้ำ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ระนอง และภูเก็ต

เฝ้าระวังระดับน้ำเพิ่มขึ้นในพื้นที่ลุ่มต่ำ บริเวณแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน และอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี 

บริเวณคลองท่าดี จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ อำเภอลานสกา อำเภอพระพรหม และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช 

บริเวณคลองชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ ตำบลการะเกด อำเภอเชียรใหญ่ ทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอสิงหนคร 

แม่น้ำปัตตานี จังหวัดปัตตานี ได้แก่ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา และอำเภอเมืองปัตตานี  

แม่น้ำโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้แก่ อำเภอสุไหงโก-ลก


ในการนี้ อธิบดีกรมชลประทาน ได้สั่งการให้โครงการชลประทานในพื้นที่ติดตามสภาพอากาศและสภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมสูงสุด (Upper Rule Curve) เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ และให้พิจารณาบริหารจัดการเขื่อนระบายน้ำและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ ให้สอดคล้องกับการขึ้น - ลงของระดับน้ำทะเล รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก และตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงอาคารบังคับน้ำ อ่างเก็บน้ำ และแนวคันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประสานแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำไปยังจังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงล่วงหน้า พร้อมจัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ ระบบสื่อสารสำรอง และเจ้าหน้าที่ประจำจุดพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อมช่วยเหลือประชาชนได้ทันที เพื่อลดผลกระทบให้มากที่สุด หากประชาชนต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.