เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นร.ซ้อนท้าย 3 คน ไป รร. เกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต 1 สาหัส 2


3 พ.ย. 2564, 14:41



นร.ซ้อนท้าย 3 คน ไป รร. เกิดเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต 1 สาหัส 2




วันนี้ (3 พ.ย.64) เมื่อเวลา 07.30น. ร.ต.อ.กิตติพงษ์ หงษ์สูง รองสารวัตรสอบสวนเวร(สว.)สภ.ศรีณรงค์จ.สุรินทร์ได้รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ ชนต้นไม้และมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 ราย เหตุเกิดที่ ถนนระหว่างบ้านเกาะ ต.แจนแวน อ.ศรีณรงค์จ.สุรินทร์ ช่วงป่าดงแคน

เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นเด็กหญิงในชุดนักเรียน สภาพศพคอหักติดคากับโคนต้นไม้และมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกจำนวน 2 ราย อาสากู้ภัย ได้นำส่งโรงพยาบาลศรีณรงค์ ใกล้เคียงพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟสีน้ำเงินดำ ล้มอยู่ข้างต้นไม้ติดกับผู้ตาย



ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ดลธิดา อายุ 17 ย่างเข้า 18 ปี ในอีกไม่กี่วัน เรียนอยู่โรงเรียนสังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นางสาวสุรัธวดี  อายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 และด.ช.อนุกูล ม.1/3 โรงเรียนสังขะ เช่นเดียวกัน

จากการสอบถามญาติผู้เสียชีวิตและเพื่อนได้ขับรถออกมาจากบ้านเพื่อเดินทางไปโรงเรียน ในเวลาประมาณ 07.20 น.เดินทางออกจากบ้านไป เพียง 10 นาที มีคนไปบอกว่าน้องประสบอุบัติเหตุซึ่งสาเหตุ กลางทาง ก่อนไปถึงโรงเรียน พ่อ แม่และญาติๆพากันรีบเดินทางมายังที่เกิดเหตุ พอมาถึงเห็นสภาพลูก ต่างพากันร้องไห้ด้วยความเสียใจและสงสารน้อง ไม่น่าจะอายุสั้นเร็วขนาดนี้


ส่วนสาเหตุที่รถมอเตอร์ไซค์เสียหลัก ไปชนกับต้นไม้ข้างทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำการตรวจสอบหาเหตุ การเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ารถมอเตอร์ไซค์ ที่ซ้อนท้ายกันมาสามคน รถอาจรับน้ำหนักไม่ไหวทำให้ล้อหน้ารถลอย และเสียการทรงตัว ควบคุมรถไม่ได้ รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทางหรืออาจเป็นเพราะถนนลื่น เนื่องจากช่วงเช้ามีฝนตกลงมาถนนลาดยางยังเปียกซุ่มด้วยน้ำ

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจนกระทั่งทำให้เด็กนักเรียนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ขณะที่ศพน้องผู้เสียชีวิตแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพแล้วได้ ญาติไม่ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต มอบศพให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป>






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.