เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



มท.1 ประชุมข้อราชการสำคัญผ่านระบบ VCS เน้นย้ำ ผู้ว่าฯ ต้องแก้ไขทุกปัญหาในระดับพื้นที่


28 ก.ย. 2564, 20:42



มท.1 ประชุมข้อราชการสำคัญผ่านระบบ VCS เน้นย้ำ ผู้ว่าฯ ต้องแก้ไขทุกปัญหาในระดับพื้นที่




วันนี้ ( 28 ก.ย.64 ) เวลา 14:30 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมชี้แจงข้อราชการสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม โดยเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังศาลากลางจังหวัดและที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยประจำจังหวัด นายอำเภอ และหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ร่วมประชุม

พลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา เปิดเผยว่า ในวันนี้เป็นการประชุมหารือข้อราชการสำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนและเสนอแนะให้การขับเคลื่อนการทำงานในระดับพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีประเด็นหารือ ได้แก่ 1) การปรับมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มีนโยบายในการทำให้พี่น้องประชาชนสามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพควบคู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดต้องบริหารจัดการสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความรับรู้เข้าใจและสร้างความร่วมมือของประชาชนในการปฏิบัติตามมาตรการการรักษาสุขอนามัยพื้นฐานตามหลัก DMHTTA คือ D : Distancing เว้นระยะห่าง M : Mask wearing สวมหน้ากาก H : Hand washing ล้างมือบ่อย ๆ T : Temperature ตรวจวัดอุณหภูมิ T : Testing ตรวจหาเชื้อโควิด-19  และ A : Application ใช้แอปพลิเคชันไทยชนะ/หมอชนะ อย่างเคร่งครัด รวมถึงการป้องกันการติดเชื้อแบบ Universal Prevention ให้เป็นชีวิตวิถีใหม่ควบคู่กับการสร้างภูมิคุ้มกัน ทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาด ทุกคนต้องช่วยกันตัดวงจรการระบาด ทั้งการดูแลตนเอง และการฉีดวัคซีน เพื่อจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อให้สามารถควบคุมโควิด-19 ได้ นอกจากนี้ ต้องสร้างการรับรู้เข้าใจเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์ ที่มีเจตนาเพื่อจะให้คนไม่มาเจอกัน ไม่อยู่ใกล้ชิดกัน ส่งผลให้ไม่เกิดการระบาด ซึ่งมาตรการทุกอย่างจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ความสำเร็จของการควบคุมโควิด-19 อยู่ที่ประชาชนทุกคนและทุกภาคส่วน  2) การป้องกันและบรรเทาสถานการณ์อุทกภัย ต้องสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ รวมทั้งสร้างความรับรู้ระบบการบริหารจัดการสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วน ทุกระดับ ทุกกลไก ขับเคลื่อนให้เกิดการช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย และแจ้งให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่องทุกช่องทาง เช่น หอกระจายข่าว กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสถานีวิทยุของจังหวัด ให้ประชาชนรับรู้ทุกเรื่อง และเมื่อเกิดภัย ต้องบริหารจัดการให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านสถานที่พักพิง อาหารการกิน การรักษาพยาบาล และการดูแลพี่น้องประชาชนหลังเกิดภัย และ 3) สภาพปัญหาอื่น ๆ ในระดับพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้บริหารจัดการพื้นที่ (Area) ไม่ว่าประชาชนจะมีสุขหรือมีทุกข์ หรือแจ้งปัญหาไม่ว่าจะเป็นอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการใด ถ้าปัญหาหรือเรื่องนั้น ๆ อยู่ในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรับผิดชอบภาพรวมของจังหวัด และใช้องคาพยพกลไกดำเนินการแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างเต็มศักยภาพ  



นายทรงศักดิ์ ทองศรี กล่าวว่า ในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนจากโรคโควิด-19 ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องใช้กลไกผู้นำหมู่บ้าน/ชุมชน และผู้เกี่ยวข้อง สร้างความมั่นใจการฉีดวัคซีนให้กับประชาชน เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่เพิ่มขึ้น และในการแก้ไขปัญหาในระดับพื้นที่ ส่วนราชการต้องจัดลำดับความสำคัญของสภาพปัญหาและเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

นายนิพนธ์  บุญญามณี กล่าวว่า เพื่อให้เศรษฐกิจปากท้องของประชาชนสามารถเดินหน้าได้ ต้องสร้างความมั่นใจด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ประกอบการร้านค้า รวมทั้งดำเนินการด้านการยังชีพของประชาชน เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลือ เครื่องอุปโภค บริโภค ต้องกำกับดูแลให้มีการแจกจ่ายอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ในด้านการป้องกันอุทกภัย ต้องประชาสัมพันธ์สร้างความตระหนักรู้ ขุดลอก คู คลอง และจัดเก็บวัชพืชที่เป็นเครื่องกีดขวางทางน้ำ และจะทำอย่างไรให้เยียวยาพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด รวมถึงให้ทุกพื้นที่บูรณาการเข้มงวดการดำเนินการด้านความปลอดภัยทางถนนควบคู่การป้องกันโควิด-19 

สุดท้าย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 30 กันยายน 2564 นี้ จะเป็นวันสุดท้ายของการปฏิบัติหน้าที่ราชการของข้าราชการที่มีอายุครบเกษียณอายุราชการ ปี 2564 เนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการในปีนี้ “ผมขอขอบคุณสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ทำให้กับประเทศชาติ ประชาชน และสังคมโดยรวม ความภาคภูมิใจหนึ่งของการเป็นข้าราชการมิใช่การดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง แต่คือความเป็นผู้ใหญ่ที่น้อง ๆ ข้าราชการศรัทธา ทุกท่านทำให้ประชาชนได้รับสิ่งดี ๆ อยากขอบคุณในทุกเรื่อง ทุกสิ่งที่ท่านทำคือ “ความภาคภูมิใจ”







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.