เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นอภ.ท่าม่วง ลงพื้นที่ติดตามการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ชุมชนรอบโรงงานผลิตสายไฟชื่อดัง


25 ส.ค. 2564, 18:07



นอภ.ท่าม่วง ลงพื้นที่ติดตามการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ชุมชนรอบโรงงานผลิตสายไฟชื่อดัง




ความคืบหน้าภายหลังจากที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งที่ 4029/2564 ลงวันที่ 23 ส.ค.64 ปิด บริษัท เอสอีดับเบิ้ลยูที กาญจนบุรี จำกัด เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ 23 ส.ค.64 เป็นต้นไป เนื่องจากการสุ่มตรวจเชิงรุกพบพนักงานติดเชื้อโควิด - 19 จำนวนมาก และอาจส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดในวงกว้าง นั้น

ล่าสุดวันนี้ 25 ส.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านห้วยไร่ หมู่ 9 ตำบลพังตรุ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี นายฑรัท เหลืองสอาด นายอำเภอท่าม่วง พร้อมด้วย สาธารณสุขอำเภอ ผอ.รพ.สต.บ้านห้วยไร่ นายธนะรัตน์ จันทร์เพ็ญ นายก อบต.พังตรุ นางนิตยา จันทร์เพ็ญ รอง นายก อบต.พังตรุ และกำนัน ต.พังตรุ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 จาก บริษัท เอสอีดับเบิ้ลยูที กาญจนบุรี จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตสายไฟรายใหญ่ โดยทางบริษัทได้มาให้บริการตรวจคัดกรองโควิด-19 เชิงรุก ด้วยชุดตรวจ ATK ให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในชุมชนรอบโรงงานประมาณ 500 คน โดยมี นายสมศักดิ์ งามจรรยาภรณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายโรงงาน นายคเชนทร์ การุณรังษีวงศ์ รองผู้จัดการโรงงาน ของบริษัท เอสอีดับเบิ้ลยูที กาญจนบุรี จำกัด ต้อนรับ

โดย นายฑรัท เหลืองสอาด นายอำเภอท่าม่วง เปิดเผยว่า วันนี้ทางโรงงานได้มาทำการตรวจประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงงาน จำนวนประมาณ 500 คน ด้วยชุดตรวจ ATK เพื่อรีบคัดแยกผู้ติดเชื้อออกไปทำการรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อสกัดกั้นเชื้อไม่ให้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

ซึ่งภายหลังจากผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้สั่งปิดโรงงานเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงงานได้ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดทั้งในโรงงานและหอพักร่วมกับคู่ธุรกิจคือ บ.STS และ บ.ไทยพาวเวอร์

พร้อมกันนี้ทางโรงงานยังมีมาตรการและวิธีการดูแลพนักงาน โดยจะทำการสั่งจองวัคซีนซิโนฟาร์มให้พนักงานทุกคนทั้งคนไทยและคนต่างด้าวพร้อมทั้งครอบครับด้วย จำนวนประมาณ 12,500 คน 25,000 โดส

โดยผู้แทนบริษัทให้การยืนยันว่าจะดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขที่จังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจน้อยที่สุด ตลอดจนพนักงานรวมทั้งราษฎรในพื้นที่เกิดความเชื่อมั่นต่อมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด - 19 ในโรงงานหรือสถานประกอบการที่ ศบค.กำหนด

ในส่วนของแรงงานต่างด้าวทางโรงงานมีหอพักที่เป็นสัดส่วนอยู่ในโรงงาน จำนวน 1,200 ห้อง และด้านข้างโรงงานอีก 120 ห้อง ซึ่งมี รปภ.ดูแลตลอด 24 ชม. สำหรับแรงงานต่างด้าวที่ติดโควิดมีการรักษาและกักตัวในห้องพักที่แยกเป็นสัดส่วน 420 ห้อง มีแพทย์จาก รพ.สต.บ้านห้วยไร่ เข้าไปดูแล ทางโรงงานมียาฟ้าทลายโจร มีที่วัดออกซิเจน และที่วัดอุณหภูมิให้พร้อม และมีอาหารดูแลพนักงานทั้ง 3 มื้อ อย่างไรก็ตามทางโรงงานยังจะจัดตั้งศูนย์พักคอยเพิ่มเติมอีก โดยทำเป็นโดม สามารถรองรับได้ 200 เตียง

จากการตรวจคัดกรองเชิงรุกเพื่อหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ผลตรวจเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อ เป็นคนไทย 92 ราย และแรงงานต่างด้าว 473 ราย ซึ่งหลังจากวันนั้นก็พบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง โดยเป็นคนไทยประมาณ 30 คน และเป็นแรงงานต่างด้าว มากกว่า 100 คน จึงทำให้ปัจจุบันมีคนงานติดเชื้อสะสมกว่า 700 คน 

สำหรับผู้ติดเชื้อคนไทยได้เข้าทำการรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 และโรงพยาบาลสนามด่านมะขามเตี้ย และบางส่วนก็ไปรักษาที่จังหวัดต่างๆ ตามที่โรงงานมีเครือข่ายอยู่ ส่วนผู้ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่มาก ทางโรงงานได้จัดตั้งศูนย์พักคอยไว้บริเวณด้านหลังของโรงงาน และได้ทำการแยกกักรักษาตัว ซึ่งแยกออกจากแรงงานที่ตรวจไม่พบเชื้อ ตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยมีเจ้าหน้าที่ รพ.สต.บ้านห้วยไร่ เข้าไปดูแลและให้คำแนะนำในด้านต่างๆ

ขณะที่จะนำแรงงานที่ติดเชื้อประมาณ 300-400 คน ไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามเขาชนไก่ โดยมีทหารกองพลทหารราบที่ 9 นำรถมาทยอยรับแรงงานดังกล่าวไปรักษาวันละประมาณ 100 คน เพื่อความปลอดภัยทั้งแรงงานและผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งทางอำเภอจะติดตามและกำกับการดำเนินการอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโรงงานดังกล่าวมีแรงงานทั้งหมด 3,334 คน แบ่งเป็นคนไทย 963 คน เมียนมา 2,367 คน และญี่ปุ่น 4 คน นอกจากนี้ก็พบว่ายังมีหน่วยงานทหารได้เข้าไปรับผู้ป่วยภายในโรงงานสายไฟรถยนต์แห่ง เพื่อออกจากไปยังโรงพยาบาลสนามเบื้องต้นคาดน่าจะเป็นโรงพยาบาลสนามเขาชนไก่

 

 

 



 

 


 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.