เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ลูกจ้างพม่าวัย 30" สุดโหด! ราดน้ำมันจุดไฟเผารถยนต์วอด หลังถูกนายจ้างด่า


24 ส.ค. 2562, 15:50



"ลูกจ้างพม่าวัย 30" สุดโหด! ราดน้ำมันจุดไฟเผารถยนต์วอด หลังถูกนายจ้างด่า




 

 

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 24 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองวาฬ พร้อมด้วยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 146 ด่านสิงขร เจ้าหน้าที่ทหารชุดพัฒนาสัมพันธ์มวลชนที่ 1211 เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนกองกำลังสุรสีห์ที่ 110 และ เจ้าหน้าที่ปกครองฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองประจวบ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน(อส.) เข้าตรวจสอบสภาพความเสียหายของรถยนต์ ยี่ห้อนิสสัน บิ๊กเอ็ม ตอนเดียว สีขาว หมายเลขทะเบียน บฉ 3956 ประจวบ ซึ่งเป็นของ นายพินิจ ทองคำแท้ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77/2 หมู่ 7 ตำบลห้วยทราย อำเภอเมือง จังหวัดประจวบ หลังจากคาดว่าถูกนายเล็ก วัย 30 ปี ลูกจ้างชาวเมียนมาร์ไม่พอใจใช้น้ำมันราดจุดไฟเผารถยนต์ช่วงกลางดึกที่ผ่านมาแล้วหลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณบ้านพักไม่มีเลขที่กลางสวนยางช่องทางธรรมชาติพุน้ำหยด คุ้มหนองหวาย บ้านด่านสิงขร หมู่ 6 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดกับแนวเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างชายแดนไทย-เมียนมาร์

 

 

 



จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวถูกไฟลุกไหม้เผาผลาญจนได้รับความเสียหายทั้งคัน เบาะเก้าอี้นั่งหน้ารถ ยางหน้ารถยนต์ ห้องเครื่องยนต์ เครื่องปั๊มฉีดยา และถังบรรจุน้ำสำหรับฉีดยาฆ่าหญ้าในสวนยางซึ่งวางอยู่บริเวณกระบะท้ายรถ ถูกไฟลุกไหม้เผาผลาญได้รับความเสียหายวอดจนไม่สามารถซ่อมแซมหรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก

 

 


โดยนายพินิจ ทองคำแท้ เจ้าของสวนยาง (ผู้เสียหาย) เปิดเผยว่า ลูกจ้างชาวเมียนมาร์รายนี้ สามารถพูดภาษาไทยได้ชัดเจน และได้มีการตกลงร่วมกันว่า ถ้าหากนำขี้ยางไปขายจะต้องแจ้งให้เจ้าของทราบทุกครั้ง และแบ่งรายได้กันคนละครึ่งแต่ต่อมาลูกจ้างคนดังกล่าวได้แอบนำเอาขี้ยางไปขายเพียงลำพังโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตนทราบ และเมื่อตนทราบเรื่องจึงได้ว่ากล่าวตักเตือนอาจเป็นเหตุทำให้ไม่พอใจนำมาสู่การจุดไฟเผารถยนต์ก็เป็นได้ โดยก่อนเกิดเหตุได้โทรศัพท์ไปบอกกับตนว่าจะออกจากงานแล้วไปทำงานกับนายจ้างคนอื่น และมารู้อีกทีเมื่อช่วงกลางดึกในขณะที่ไฟกำลังลุกไหม้เผาผลานรถยนต์ทั้งคันจนวอด หลังจากมีชาวบ้านใกล้เคียงมาพบเห็นว่าไฟกำลังลุกไหม้รถยนต์และได้โทรศัพท์ไปบอกกับตน จากนั้นตนจึงได้เดินทางนำน้ำมาดับไฟแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ส่วนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้สอบสวนหาสาเหตุ และหาตัวผู้กระทำผิดที่แน่ชัดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นอยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท////////

 

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.