วันนี้ ( 6 มิ.ย.62 ) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาล หลังโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า สภาฯจะนำรายชื่อนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย เพื่อรอการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง จากนั้นนายกรัฐมนตรีต้องดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งต้องมีการหารือกับพรรคการเมืองต่างๆ ถึงโควต้ารัฐมนตรี ก่อนส่งให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม จากนั้นภายหลังคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญานตนแล้ว ต้องแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภาผู้แทนราษฏร ภายใน 15 วัน ดังนั้นระหว่างนี้ควรเตรียมยกร่างแถลงนโยบายไว้ก่อน เพื่อความรอบคอบและจะได้ทันต่อระยะเวลา พร้อมชี้แจงว่าระหว่างนี้นายกรัฐมนตรีสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมเตรียมการยกร่างแถลงนโยบายรัฐบาลและการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ เพราะมีอำนาจเต็มแล้ว แต่เพื่อความงดงามควรรอให้มีการโปรดเกล้าฯก่อน

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ของรัฐบาลปัจจุบันว่า ยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะมีงานสำคัญคือการประชุมสุดยอดอาเซียน ระหว่างวันที่ 22-23 มิถุนายนนี้ ซึ่งถือว่ารัฐบาลนี้ยังมีอำนาจเต็มในการทำหน้าที่ ประกอบกับเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวกันยิ่งมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แต่หากเป็นรัฐบาลชุดใหม่ที่ยังไม่ได้แถลงนโยบายเข้าไปทำหน้าที่อาจถูก วิพากษ์วิจารณ์ได้ เนื่องจากเป็นการเจรจาระดับนโยบายและทวิภาคีระหว่างประเทศหลายกรณี แต่ทั้งนี้ทางเลือกที่เหมาะสม คือ หากรัฐบาลชุดใหม่ถวายสัตย์ฯและแถลงนโยบายเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ก็สามารถทำหน้าที่ได้ หรือหากขั้นตอนยังไม่แล้วเสร็จ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่ต้องตัดสินใจว่าการประชุมสุดยอดอาเซียนเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือไม่ หากไม่เร่งด่วนก็ควรให้รัฐบาลชุดเดิมทำหน้าที่ไปก่อนจะเหมาะสมกว่า

รองนายกรัฐมนตรี มองว่า การที่สมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 250 คน โหวตเลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหน้าที่ตามปกติ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ตรงกันข้ามหากไม่โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอาจมีความผิดก็ได้ แต่ยืนยันไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน เพราะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญกำหนดทั้งหมด