เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ศาลฎีกา แก้โทษ "ลุงวิศวะ"​ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ให้รอลงอาญา 3 ปี


17 มิ.ย. 2564, 14:56



ศาลฎีกา แก้โทษ "ลุงวิศวะ"​ ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ ให้รอลงอาญา 3 ปี




 คืบหน้าลุงวิศวะยิงหนุ่ม17ที่ ข้างตลาดอ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี เบี้ยวไม่มา จับไม่ได้  ศาลฏีกาอ่านลับหลังจำเลย เห็นว่า ลุงวิศวะป้องกันตัวเกินสมควร แต่รอดคุกแค่รอลงอาญา3ปีจากวันที่12 พ.ค. ที่ศาลจังหวัดชลบุรี ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา คดีที่นายสุเทพโภชนสมบูรณ์ อายุ 56 ปี วิศวกรบริษัทฯเป็นจำเลยในความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ก่อเหตุยิง นายนวพล ผึ่งผาย หรือปอนด์ อายุ 17 ปีจากเหตุวิวาทเรื่องที่จอดรถ เหตุเกิดใกล้ตลาดอ่างศิลา จ.ชลบุรี เมื่อค่ำวันที่ 4ก.พ. 2560

คดีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯ ปรับ 4,000 บาทลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาทให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีนับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องจำเลยฎีกาและวันนี้ นายวันชัย แสงสุวรรณ์ ทนายฝ่ายผู้เสียชีวิต ได้เป็นตัวแทนฝ่ายโจทก์ผู้เสียหายเดินทางมารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา

คืบหน้าเวลา 10.00 น.วันนี้ 17 มิ.ย. 64 ศาลจังหวัดชลบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3544 / 2561 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นางสาวมณีพร ผึ้งผาย โจทก์ร่วม นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์จำเลย คดีสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี เป็นโจทก์ฟ้องนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงนายนวพลหรือปอนด์ผึ้งผาย ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2560 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี "คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4 "ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน ศาลชั้นตันมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯ ปรับ 4000  บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2000 บาทรวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2000 บาท ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ของผู้ร้องให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5ต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้องโจทก์และจำเลยอุทธรณ์



ศาลอุทธรณ์ภาค2 พิพากษายืนจำเลยฎีกาศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ามูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลยโดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตบาทจะออกไปได้หรือไม่เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลยกำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่นทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้งแต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากัน ขึ้นรถยนต์ตู้ไปส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่นจำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเองไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่อง กับจำเลยทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อยจึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน เชื่อได้ว่าในขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่องอีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกันส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้งจนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลยไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า

ทั้งที่อยู่ในวิสัยที่สามารถกระทำได้โดยง่ายส่วนฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่าภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นานจำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้ายจึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่นเมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่จำเลยมิได้ขับรถปากหน้ารถพวกของผู้ตายเพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตบาทและมิได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีกเมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลยผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย


พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า"มึงจะรบป่าว"หลายครั้งและมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นานขณะเดียวกันจำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลังย่อมถือได้ว่ามีอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้วประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยากการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไปจึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้ายโดยผู้ตายและพวกได้ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่า

ผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธหากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิงหรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตายก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมีให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้วแต่จำเลยกลับใช้อาวุธที่หน้าอกซ้ายของผู้ตายแม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลายอันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่งการรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

ซึ่งวันนี้ คำพิพากษา ศาลฎีกา พิพากษาว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือนเมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปีรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด30 ชั่วโมง โดยทางฝ่ายทนายความและมารดาของผู้ตาย เผยหลังฟังคำพิพากษาว่า  ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล เพราะคดีนี้ก็นานแล้ว ส่วนคดีแพ่งก็เหมือนเดิมเขาต้องชดใช้ จำเลยไม่มาก็มีการยึดเงินประกันไปแล้ว ส่วนทางแพ่งก็รอเขาติดต่อมาว่าจะมาชดใช้เมื่อไหร่ให้เป็นไปตามอำนาจศาล

 

 






Recommend News






MOST POPULAR
















©2018 ONBNEWS. All rights reserved.