เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กลุ่มวัยรุ่น รุมทำร้าย เด็กชาย 13 ปี อ้างถูกแย่งแฟน แม่เหยื่อ ลั่น! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด


28 มี.ค. 2564, 18:54



กลุ่มวัยรุ่น รุมทำร้าย เด็กชาย 13 ปี อ้างถูกแย่งแฟน แม่เหยื่อ ลั่น! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด




วันที่ 28 มี.ค. 64 พบคลิปเด็กวัยรุ่น เสื้อสีแดง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ได้ทำการรุมชกต่อยเด็กวัย 13 ปี  ที่ใส่เสื้อสีเขียว นุ่งกางเกงขายาวสีดำ ซึ่งทำการรัวหมัดใส่ลำตัวและหน้า โดยมีเด็กวัยรุ่นอีก 1 คน ที่สวมเสื้อสีดำ กางเกงขาสันสีรุ้ง ยืนอยู่บนโต๊ะหิน แล้วเตะไปที่ชายโครงรุ่นน้อง ก่อนที่ชายวัยรุ่นเสื้อสีแดง จะทำการทั้งเตะและต่อยอีกชุดใหญ่  โดยมีเพื่อนอีก 1 คน เป็นผู้ถ่ายคลิป  และมีการนำไปแชร์ต่อในโลกออนไลน์

 



ล่าสุด น้องเสื้อสีฟ้าที่ถูกทำร้ายวัย 13 ปี ได้รับบาดเจ็บนอนซมอยู่ในห้องที่บ้าน ตำบลคลองวัว อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง โดย น้อง ก (นามสมติ) เล่าให้ฟังว่า  สาเหตุที่ถูกรุมทำร้ายในครั้งนี้ กลุ่มผู้ที่เข้ามารุมทำร้ายอ้างว่า ตนเองไปแย่งแฟนของคู่กรณีมา ซึ่งตนเองได้ถามฝ่ายหญิงแล้ว ว่าไม่เคยคบกับผู้ก่อเหตุแต่อย่างไร  โดยเพื่อนรุ่นพี่ได้ทักมาว่าอยู่ที่ไหน  และบอกว่าอยู่ที่อำเภอโพธิ์ทอง ในช่วงบ่ายของวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ไปนั่งเล่นที่บริเวณม้าหิน ที่บริเวณวัดแห่งหนึ่งที่ใกล้บ้าน แล้วได้ทักไปทางเฟสรุ่นพี่ว่าอยู่ที่วัดโพธิ์ สักครู่พบรุ่นพี่ 3 คน  ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาหา แล้วถามว่า  มึงถึกนักหรือไง และใช้ให้ไปซื้อเบียร์และบุหรี่ แต่ตนเองไม่ยอมไป ส่วนน้องผู้เสียหายพยามยามเดินหนี ส่วนวัยรุ่นที่เป็นรุ่นพี่ใส่เสื้อสีแดงก็มาต่อย และมีรุ่นพี่เสื้อสีดำมาช่วยรุมเตะ โดยสองคนที่รุมทำร้ายมีชื่อว่า นาย ป และนาย น  ส่วนอีก 1 คน  ชื่อว่า จ (นามสมติ) ที่เป็นคนทำการถ่ายคลิป

ทางด้าน นาง ไก่ อายุ 51 ปี แม่ของน้องผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า ตนเองได้เห็นคลิปแล้วรู้สึกสงสารลูกมากที่โดนทำร้าย  จนได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว และมีระบมที่บริเวณศีรษะ เบื้องต้นเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางญาติของเด็กที่ก่อเหตุ  ได้พาน้องผู้เสียหายไปตรวจที่โรงพยาบาลอ่างทอง และได้เข้ามาทำการขอโทษแล้ว ส่วนเด็กที่ก่อเหตุ ก็ได้พูดขอโทษ แต่ตนเองดูแล้วว่ายังไม่มีความสำนึกในการรับผิดชอบ  ที่ลงมือรุมทำร้ายลูกของตนเอง โดยตนเองจะเอาเรื่องดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถึงที่สุดต่อไป

 


 

 

 

 

 

 

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.