ชาวเลย กว่า 500 ราย ร้องถูกนายทุนสวมสิทธิ์เที่ยวด้วยกัน
11 ก.พ. 2564, 11:44

สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดเลย มีรายงานว่ามีการเปิดเผยจาก พ.ต.อ.วรการ บุญประคอง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย กรณีโครงการเที่ยวด้วยกัน ที่มีข่าวกับจังหวัดชัยภูมิ เรื่องโรงแรมรีสอร์ท จังหวัดเลย เป็นคดีที่ทางกองปราบปราม (ส่วนกลาง) ได้ส่งเรื่อง และรายชื่อชาวจังหวัดเลย 6-7 อำเภอจาก 14 อำเภอ ว่ามีผู้ถูกสวมสิทธิ์จำนวน 542 ราย ประกอบด้วย อำเภอเชียงคานกว่า 300 ราย รองมาคือ อำเภอเมืองเลย กว่า 100 ราย นอกนั้นกระจายกันไปเชื่อมเชื่อมโยงมาจากที่ จังหวัดชัยภูมิ จึงได้ให้ทำการสอบพยานขึ้นที่ศูนย์สอบปากคำพยานคดีทุจริต ชั้น 4 สภ.เมืองเลย เป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 10-12 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นการสอบพยาน 542 ปาก
เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จังหวัดเลย เป็นการ ”ซื้อรวมสิทธิ์” โครงการ ”เที่ยวด้วยกัน” ซึ่งรูปแบบนั้นมีหลายจังหวัดทั้งประชาชน ร้านค้า โรงแรม และซื้อรวมสิทธิ์ ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้นยังประมาณค่าไม่ได้
.jpg)
ด้านนายบุญโฮม รามศิริ รองนายก เทศบาลตำบลนาโป่ง อำเภอเมืองเลย จังหวัดเลย เปิดเผยว่า ที่ตำบลนาโป่ง ที่มีจำนวน 16 หมู่บ้าน มีประชาชนถูกสวมสิทธิ์เฉลี่ย 10 ราย/หมู่บ้าน เหตุการณ์นี้ชาวบ้านไม่รู้เรื่องไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ขณะที่บางรายทราบเรื่องแต่กลัวจะเป็นคดีความ จึงนิ่งเฉยไม่มาให้ปากคำ ด้านขบวนการของกลุ่มนายทุน นั้น มีบุคคลภายในตำบลนาโป่ง เป็นผู้จัดหาพร้อมประสานขอสำเนาบัตรประชาชนของชาวบ้าน แล้วจัดส่งไปให้กลุ่มนายทุนที่กรุงเทพฯ จึงรวมตัวกันมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่สอบสวน เหตุจากนายทุนหัวหมอเอาสำเนาบัตรประชาชนของชาวบ้านจำนวนมากกว่า 100 รายของ ตำบลนาโป่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่ทุกข์ยาก ฐานะยากจน คนชรา และผู้ป่วยติดเตียง ต่างถูกสวมสิทธิ์ และหมดสิทธิ์ที่เข้าโครงการไทยชนะ โครงการเรารักกัน และโครงการคนละครึ่ง อันเป็นการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของชาวบ้าน จึงให้ตนนำมาให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำพยานในวันนี้เพื่อให้ทางราชการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน
.jpg)
.jpg)
.jpg)




