เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ เน้นเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข จัดตั้งกองทุนพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง


9 ธ.ค. 2563, 11:52



นายกฯ เน้นเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข จัดตั้งกองทุนพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง




วันนี้ (9 ธ.ค. 2563) เวลา 08.30 น. ณ อาคารภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี – เจ้าพระยา – แม่โขง (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy: ACMECS ) ครั้งที่ 9 ผ่านระบบการประชุมทางไกล ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอีก 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนาม และเลขาธิการอาเซียน โดยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการประชุม ดังนี้
 
การประชุม ACMECS ครั้งที่ 9 เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนความคืบหน้าการดำเนินการภายใต้ 3 สาขาหลักของแผนแม่บท ACMECS ระยะ 5 ปี ได้แก่

(1) การเสริมสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity)

(2) การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ (Synchronized ACMECS Economies)

และ (3) การพัฒนาภูมิภาคในลักษณะยั่งยืนและมีนวัตกรรม (Smart and Sustainable ACMECS)
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามความคืบหน้าของการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS และการมีปฏิสัมพันธ์กับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ซึ่งหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนากลุ่มแรก ได้แก่ จีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และออสเตรเลีย  และในปีนี้ นิวซีแลนด์และอิสราเอลก็จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนากลุ่มที่สอง 



ผู้นำสมาชิก ACMECS ยังเห็นพ้องกับหลักการใหม่ที่ไทยเสนอ เรื่อง “อนุภูมิภาคที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้” ให้เป็นอีกหนึ่งสาขาความร่วมมือภายใต้แผนแม่บท ACMECS เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงภาพลักษณ์ของอนุภูมิภาค และส่งเสริมให้ภูมิภาคนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และเต็มไปด้วยโอกาสที่หุ้นส่วนภายนอกจะเข้ามาร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการพัฒนา นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับรอง “ปฏิญญาพนมเปญ” ซึ่งให้ความสำคัญต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมยุคหลังโควิด-19 เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับวิกฤตในอนาคตและความท้าทายรูปแบบใหม่ต่าง ๆ การส่งเสริมความร่วมมือด้านสาธารณสุข และการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงเน้นย้ำการเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 ประเด็น ดังนี้
 
ประการแรก “การพัฒนาความเชื่อมโยงในทุกมิติ” ทั้งด้าน hardware software และ digital ที่มีความจำเป็นต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในในระยะยาว  โดยนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนข้ามพรมแดน การเร่งปรับปรุงกฎระเบียบให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์สำหรับ Micro SMEs เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับผู้ประกอบการ สร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดช่องว่างด้านการพัฒนาระหว่างกัน
 
สำหรับการขับเคลื่อนแผนแม่บท ACMECS ในระยะต่อไป ต้องยกระดับความร่วมมือด้านสาธารณสุขให้สูง และยั่งยืนมากขึ้น โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งที่ประชุมว่า ไทยได้ลงนามกับบริษัทแอสทราเซเนกาเพื่อจัดหาวัคซีนต้านโควิด-19 คาดว่าจะได้รับอนุญาตให้ใช้และผลิตได้ในช่วงกลางปี 2564 และไทยพร้อมสนับสนุนให้ยาและวัคซีนดังกล่าวเป็นสินค้าสาธารณะเพื่อให้ประชาชนในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ในราคาที่สมเหตุสมผล 


ประการที่สอง “การจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนา ACMECS” เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม และตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของอนุภูมิภาค โดยขอความร่วมมือให้แต่ละประเทศเร่งดำเนินกระบวนการภายในให้แล้วเสร็จ และยืนยันคำมั่นที่จะสนับสนุนเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่กองทุน เพื่อใช้ขับเคลื่อนโครงการที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและต่ออนุภูมิภาค นอกจากนี้ ไทยยังส่งเสริมการจัดตั้งสำนักเลขาธิการ ACMECS เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล จัดทำยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนโครงการ และประสานการทำงานร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ 
 
ประการที่สาม “การจัดตั้งสำนักเลขาธิการ ACMECS” ต้องมีกลไกกลางเพื่อทำหน้าที่ผู้ประสานงานหลัก ทั้งในกลุ่ม ACMECS เอง และระหว่าง ACMECS กับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณสำคัญให้ประชาคมโลกได้รับทราบว่า ในวันที่โลกเผชิญกับความท้าทายที่ยากจะควบคุม ACMECS พร้อมที่จะผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว  เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างแข็งขัน มีบทบาทที่สร้างสรรค์  และพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในทุกรูปแบบ

ทั้งนี้ ในการปิดประชุม นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ส่งมอบตำแหน่งประธานให้นายกรัฐมนตรี สปป. ลาวในฐานะประธานวาระต่อไป (วาระปี 2564-2566)






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.