เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กรมอุทยานฯ เตรียมฟื้นฟูป่า หลังจากนายทุนยอมรื้อถอนรีสอร์ท


3 ธ.ค. 2563, 18:31



กรมอุทยานฯ เตรียมฟื้นฟูป่า หลังจากนายทุนยอมรื้อถอนรีสอร์ท




วันนี้ 3 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมด้วย นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายสุภาพ งามทองเหลือ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้ลงพื้นที่รีสอร์ทชื่อ "กระท่อมริมธาร" ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม หมู่ที่ 2 ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อตรวจติดตามการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 4 หลัง ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ภายหลังจากที่หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี นายสมาน หงษ์เอี่ยม อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่197/ 1หมู่ 11 ตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ไปเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2563 ในข้อหา ยึดถือ ครอบครอง หรือกระทำ ด้วยประการใดๆ ในเขตอุทยานเขาแหลม โดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก 4 ปีถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 4 แสนถึง 2 ล้านบาท จำนวนเนื้อที่ 1 ไร่

 

และหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมได้ไปติดป้ายประกาศคำสั่งรื้อถอนในวันที่ 11 พ.ย. 2563  ตามมาตรา 35(2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ฉบับใหม่ ประกาศคำสั่งให้ นายสมาน รื้อถอนรีสอร์ท ดังกล่าว จำนวน 4 หลัง ไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลมภายใน 30 วันนับแต่วันประกาศคำสั่งนี้ หากฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนจะมีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับอีกวันละ 1 หมื่นบาท และจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนเป็นจำนวนเงิน 6 หมื่นบาท ให้กับทางราชการอีกด้วย      

 

ปรากฏว่า ในวันนี้ นายสมาน ได้ยอมถอย ยินยอมรื้อถอนรีสอร์ทชื่อ “กระท่อมริมธาร” จำนวน 4 หลังไปจนหมด และทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ก็ได้ใช้รถไถทำการปรับพื้นที่เพื่อเตรียมทำการ ฟื้นฟูป่าให้มีสภาพธรรมชาติดังเดิม เป็นสมบัติของคนไทยทุกๆ คนตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ดำเนินการ ขั้นเด็ดขาด กับนายทุน ผู้บุกรุกป่า และนำพื้นที่ป่าที่ยึดคืนมาได้จากนายทุน มาฟื้นฟูเป็นสภาพป่าธรรมชาติดังเดิมเพื่อเป็นประโยชน์ของประชาชนทุกๆ คน

 

จากนั้น นายนิพนธ์ พร้อมด้วย นายเทวินทร์ และ นายสุภาพ ได้เดินทางไปยัง สภ.สังขละบุรี เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางสาวณฐิสิณี เต็งเที่ยง เจ้าของ “พรไพลิน รีเวอร์ไซด์  รีสอร์ท" ที่ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โรงแรมหรู มูลค่า 40 ล้าน ภายหลังจากพบว่า ผู้ประกอบการไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกอุทยานฯ เขาแหลม เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน 8 ตารางวา ซึ่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้ไปติดประกาศคำสั่งรื้อถอน ไปเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2563 ให้รื้อถอนภายใน 30 วัน และได้ปิดประกาศคำเตือนในวันที่ 2 ต.ค.2563 ให้รื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวภายใน 15 วัน และได้ติดประกาศคำเตือนครั้งสุดท้ายวันที่ 24 พ.ย.2563 ให้รื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวภายใน 7 วัน ปรากกฎว่า ทาง นางสาวณฐิสิณี เต็งเที่ยง เจ้าของโรงแรมหรูดังกล่าวยังดื้อแพ่งไม่ได้รื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวแต่อย่างใด ประกอบกับไม่มีคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นคุ้มครองชั่วคราวไม่ให้รื้อถอนด้วย

 

จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นางสาวณฐิสิณี เจ้าของโรงแรมหรู ในข้อหาฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน ตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562  ซึ่งมีโทษจำคุก 1 ถึง 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท และปรับรายวันวันละ 1 หมื่นบาทจนกว่าจะรื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวเสร็จ 

 

นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า คดีข้อหาฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอนตามประกาศคำสั่งของหัวหน้าอุทยานเขาแหลมในครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นคดีแรกของประเทศไทยตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.2562 เป็นต้นมา เนื่องจากกฎหมายอุทยานฉบับใหม่ พ.ศ.2562 กำหนดไว้ในกรณีผู้กระทำผิดไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือต้นไม้ ให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติขออนุมัติใช้เงินรายได้ จากกรมอุทยานแห่งชาติฯตามมาตรา 32 (2) กฎหมายอุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ พ.ศ. 2562ได้  ประกอบกับโรงแรมหรูดังกล่าว มีขนาดใหญ่โครงสร้างแข็งแรงคงทนถาวร มีวัสดุและอุปกรณ์ตบแต่งภายในมากมาย อาคารบางส่วนก็อยู่ในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ และต้องใช้เงินค่ารื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวเป็น จำนวนเงินถึง 1 ล้าน 2 แสนบาท ทางหัวอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จะขออนุมัติใช้เงินรายได้จากกรมอุทยานฯตามมาตรา 35 (2)กฎหมายใหม่ ดังกล่าว เพื่อทำการ e-bidding จัดจ้างตามระเบียบพัสดุ พ.ศ.2560 หาผู้รับจ้างที่มีความชำนาญการในการรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างโรงแรมหรูดังกล่าวที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ต่อไป

 


 



 


ทั้งนี้ระหว่างรอการอนุมัติเงินรายได้ในการรื้อถอนจากกรมอุทยานแห่งชาติฯจำนวนเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท ตามกฎหมายใหม่ เจ้าของโรงแรมหรูดังกล่าว ก็จะถูกปรับรายวัน วันละ1หมื่นบาท ถ้าคิดเป็นเดือน เดือนละ 3 แสนบาท ถ้าคิดเป็นปีละ 3 ล้านบาท จนกว่าจะรื้อถอนโรงแรมหรูดังกล่าวเสร็จ  จึงเป็นผลเสียอย่างมาก ต่อเจ้าของโรงแรมหรูดังกล่าวที่ฝ่าฝืนดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อถอนด้วยตนเอง เพราะอย่างไรเสียก็ต้องถูกรื้อถอนในอนาคตคาดว่าไม่เกิน 6 เดือนนับแต่วันนี้ เมื่อถึงเวลานั้นคาดว่าอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายค่ารื้อถอนคืนให้ทางราชการเป็นจำนวนเงิน 1 ล้าน 2 แสนบาท ค่าปรับคดีอีก 3 แสนบาท ค่าปรับรายวันรวม 6 เดือน ประมาณ 1ล้าน 8 แสนบาท และต้องถูกดำเนินคดีและอาจติดคุกในข้อหา"ฝ่าฝืนไม่ยอมรื้อถอน"ด้วย

 

เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนเจ้าของรีสอร์ท หรือเจ้าของโรงแรมทั้งหลาย ที่ปลูกสร้างบุกรุกในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหรือในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า โดยมิชอบโดยกฎหมาย ให้ทำการรื้อถอนด้วยตนเองดีที่สุด เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวม และประโยชน์ต่อตัวเจ้าของรีสอร์ท หรือเจ้าของโรงแรมเองที่จะต้องไม่ถูกดำเนินคดีซ้ำอีกในข้อหาฝ่าฝืน และต้องเสียค่าปรับเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย

 

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.