อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมกราคม - ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดได้จำนวน 29,280 ราย ผู้ต้องหา 31,333 คน  ของกลางสำคัญที่ยึดได้ ประกอบด้วย  ยาบ้า จำนวนกว่า 14 ล้าน 7 แสนเม็ด  ,เฮโรอีน จำนวน 90 กิโลกรัม ,ยาไอซ์ จำนวน 2,651 กิโลกรัม และกัญชา จำนวน 2,335 กิโลกรัม 
 

พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภาค 9 กล่าวว่า จากการตรวจสอบยาบ้าล็อตนี้ พบว่าเป็นของเครือข่ายนายทศวัศ (บอส) แป้นชุม  เป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ยังคงกระทำผิด ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ โดยยาทั้งหมดจะนำมาพัก เพื่อกระจายลงตามจังหวัดต่างๆทั้ง จ.ตรัง ,จ.กระบี่,จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช

นายพงศธร ธรรมชาติ ผู้อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 9  กล่าวว่า  ปัจจุบันเครือข่ายยาเสพติด จะหันไปส่งยาเสพติดผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชนมากขึ้น เพราะมีความสะดวก รวดเร็ว ประหยัด ปลอดภัย จึงฉวยโอกาสทำแบบนี้มากขึ้น สร้างความยากลำบากให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานปราบปราม ส่วนคดีนี้  สนธิกำลังกันหลายฝ่าย ทั้งในพื้นที่จังหวัดตรัง ระดับภาค และชุดปราบปรามยาเสพติด ภาค 1  ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นทาง ทำให้ทราบว่าก่อนยาเสพติดจะเดินทางมาถึง จ.ตรัง  เจ้าหน้าที่เคอรี่รัตนาธิเบศก์ และสาขาลาดพร้าว ได้มีบุคคลต้องสงสัยเดินทางไปซื้อกล่อง เพื่อนำไปบรรจุ ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจพิสูจน์แกะรอยคนซื้อ รถที่เป็นยานพาหนะ เพื่อจะได้ติดตามคนร้ายต่อไป ตัวการใหญ่จะไม่อยู่ใกล้ยาเสพติด ไม่แตะต้องเลย แต่สั่งการสื่อสารทางสื่อโซเชียลต่างๆ ทั้งการโอนเงิน จึงยากต่อการติดตามจับกุม   ปปส. ได้ตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาตามมาตรการ พ.ร.บ.กระทำความผิดมาตรา 6 มาตรา 8 ในกรณีการสมคบคิด สนับสนุน ช่วยเหลือ มาดำเนินการเอาผิดกับคนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะนายทุนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

ทั้งนี้ การปราบปรามยาเสพติดเป็นนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเปิดแผนปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดปี 2564 ที่ จ.ตรัง  ทั้งนี้ จะใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับมาดำเนินการอย่างเด็ดขาด รวมทั้งกฎหมายเกี่ยวกับการยึดทรัพย์ ตั้งเป้าไว้ 6,000  ล้าน