ผศ.ดร.วิรัติ ปานศิลา ประธานสภาคณาจารย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีการตัดไม้ประเภทไม้เต็ง หรือ ไม้จิก ไปจำนวนมากภายในป่าสาธาณะโคกดงเค็ง  ต.นาดูน  อ.นาดูน  จ.มหาสารคาม ซึ่งอยู่ในความดูแลของสถาบันวิจัยวลัยรุกขเวช  มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับคณะ พบว่ามีการตัดไปออกไปจริงเป็นจำนวนมาก โดยจากรายงานไม่ต่ำกว่า 3,000 ต้น และเห็นว่า กลุ่มลักลอบตัดไม้กลุ่มนี้ไม่ใช่ชาวบ้านที่เข้ามาหาไม้ไปทำฟืนหรือไปทำเสารั้วบ้าน แต่เป็นกลุ่มที่รับจัดหาไม้ตามออเดอร์ เนื่องจากไม้จิก เป็นไม้เนื้อแข็ง สามารถนำไปทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น  ทำเสารั้ว  ทำเฟอร์นิเจอร์  เป็นต้น

จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาดูน เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อให้ติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี พร้อมกับ นำเสนอต่อผู้บริหาร 2 ประเด็น คือ 1.ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีการชี้แจงต่อประชาคม  และ 2. มีมาตรการเร่งด่วนที่จะสกัดกั้นไม่ให้มีการตัดไม้อีกต่อไป  ในส่วนของการดำเนินคดีตามกฎหมายคงเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ด้านนายรักชาติ เนาวรัตน์ ปลัดเทศบาลตำบลนาดูน พร้อมคณะหลังรับข้อสั่งการจากนายประสาทพร  สีกงพลี  นายกเทศมนตรีตำบลนาดูน ได้ลงพื้นที่สำรวจ พร้อมกล่าวว่า มีร่องรอยการตัดไม้กระจายไปรอบๆ ป่า  โดยป่าโคกดงเค็งมีพื้นที่ประมาณ 900 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่เทศบาลตำบลนาดูนและองค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุ ป่าสาธารณะประโยชน์ มีหน่วยงานขอใช้พื้นที่ 4 หน่วยงาน  ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม , อบจ.,มูลนิธิกองทุนพระธาตุ และกรมป่าไม้ 

โดยการสำรวจยังพบไม้ที่ถูกรานกิ่งออก เพื่อเตรียมจะตัดต้น แต่กลับไม่พบกิ่งไม้บริเวณโดยรอบ แสดงให้เห็นว่า มีการเตรียมการเป็นอย่างดี และป่าดังกล่าวมีทางออกได้หลายทางสามารถลัดเลาะออกทางหมู่บ้านหรือถนนใหญ่ได้ คาดว่า จะเป็นเส้นทางที่ขบวนการลักลอบตัดไม้ขนย้ายไม้ออกไปโดยต้นไม้ที่ตัดไปส่วนใหญ่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10-20 เซนติเมตร เป็นต้นเต็ง หรือ ต้นจิก ไม่ใช่ไม้หวงห้าม แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่สาธารณะถือว่าผิดกฎหมายหากมีการตัดไป เพราะเป็นป่าไม้ชุมชน เป็นเขตความรับผิดชอบของเทศบาลตำบลนาดูนโดยจะรวบรวมข้อมูลรายงานต่อนายกเทศมนตรีและนายอำเภอนาดูน เพื่อเร่งดำเนินการติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป