เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ก.เกษตรฯ เตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง ขอทุกภาคส่วนช่วยประหยัดน้ำ หลังแนวโน้มฝนน้อย


12 ก.ค. 2562, 15:43



ก.เกษตรฯ เตรียมพร้อมรับมือภัยแล้ง ขอทุกภาคส่วนช่วยประหยัดน้ำ หลังแนวโน้มฝนน้อย




วันนี้ ( 12 ก.ค.62 ) นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานแถลงข่าวการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยมี นายทองเปลว  กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน และ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรร่วมแถลง ว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยแล้ง 

กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าปริมาณฝนของประเทศไทยช่วงฤดูฝนนี้จะน้อยกว่าค่าปกติของปีที่ผ่านมาร้อยละ 5-10 อาจส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ น้อยตามไปด้วย จึงจำเป็นต้องวางแผนใช้น้ำอย่างระมัดระวัง 

สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง ขณะนี้ มีปริมาณน้ำในอ่างรวมกันทั้งสิ้น 37,018 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างทั้งหมด มีปริมาณน้ำใช้การได้เพียงประมาณ 13,093 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ใช้น้ำอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองไว้ใช้ให้มากที่สุด



ขณะที่ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า กรมฝนหลวง ได้วางหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงอย่างเต็มกำลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และจะดำเนินการต่อจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม ระยะเวลารวม 8 เดือน ขณะนี้ ได้ปฏิบัติการฝนหลวงในเที่ยวบินแล้วจำนวนกว่า 3,300 เที่ยวบิน เพื่อดูแลพื้นที่การเกษตรให้ทั่วถึง นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการเติมน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ไม่น้อยกว่า 60 วันด้วย

ด้าน อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ได้เน้นย้ำให้โครงการกรมชลประทานทุกแห่ง ทำการประชาสัมพันธ์แนะนำให้เกษตรทยอยเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่และให้ใช้น้ำฝนเป็นหลัก ส่วนพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกไปแล้ว จะดำเนินการส่งน้ำแบบประณีตด้วยวิธีการส่งน้ำแบบรอบเวรหมุนเวียนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อการใช้น้ำของทุกภาคส่วน อีกทั้งได้ให้สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำปิง น่าน และแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมด ทำการสูบน้ำให้เป็นไปตามรอบอย่างเคร่งครัด พร้อมวางมาตรการให้ความช่วยเหลือโดยเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ และรถบรรทุกน้ำ ที่พร้อมให้การสนับสนุนทันที 

อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวด้วยว่า ในส่วนกรณีที่แม่น้ำชีบริเวณแพตาพลู และสะพานข้ามแม่น้ำชี จังหวัดร้อยเอ็ด มีสภาพแห้งขอดจนสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งได้นั้น กรมชลประทาน ได้เพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนลำปาวผ่านอาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิมเป็นวันละ 0.80 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนร้อยเอ็ดจากวันละ 0.26 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นวันละ 0.35 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าสถานการณ์น้ำในแม่น้ำชีจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.