เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



วอนช่วยเหลือ พ่อเลี้ยงเดี่ยว สู้ทั้งน้ำตาดูแลลูกสาวพิการเพียงลำพัง ตั้งแต่กำเนิด


25 มิ.ย. 2563, 17:01



วอนช่วยเหลือ พ่อเลี้ยงเดี่ยว สู้ทั้งน้ำตาดูแลลูกสาวพิการเพียงลำพัง ตั้งแต่กำเนิด




เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 25 มิถุนายน 63 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นางศรีนวล อ่วมอ่อน อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/2 หมู่ 6 ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางหมาก ว่า ในชุมชนที่ตนเอง มีพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องดูแลลูกสาวที่พิการทางสมองและด้านการเคลื่อนไหว ส่วนตัวพ่อ มีอาชีพรับจ้างทั่วไป แล้วแต่คนจะจ้าง เวลาออกไปทำงานรับจ้างบางครั้งต้องฝากลูกสาวพิการไว้กับเพื่อนบ้าน และบางครั้งก็ต้องนำลูกไปด้วย จึงเดินทางไปตรวจสอบ

 

 

ผู้สื่อข่าวพบพ่อเลี้ยงคนดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อภายหลังคือนายสลิง พ่อสีดา อายุ 46 ปี มีภูมิลำเนาตามบัตรประจำตัวประชาชน ที่ 61 หมู่ที่ 12 ตำบลนาเลียง อ.นาแก จ.นครพนม กำลังดูแล น.ส.จินดาภา พ่อสีดา อายุ 18 ปี ลูกสาวซึ่งพิการทางสมองและการเคลื่อนไหว อยู่ในชานหน้าบ้านของผู้ใจบุญรายหนึ่ง ใน ตำบลบางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร ที่แบ่งห้องเล็กๆให้อาศัย

 


 

 



 

 

โดยนายสลิง พ่อสีดา คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาอยู่ที่ จ.ชุมพรนั้น ตนเองได้อพยพย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดมาทำงานที่ จ.สมุทรปราการ และได้มีภรรยา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน และได้อยู่กินจนมี ลูกด้วยกัน 2 คน โดย น.ส.จินดาภา เป็นลูกสาวคนโต ซึ่งพิการมาตั้งแต่แรกเกิด ส่วนคนที่สอง เป็นลูกชาย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงปกติ ตอนนี้อายุ 15 ปี แต่ด้วยต้องดูแลลูกสาวที่พิการ ภรรยา จึงต้องลาออกจากงานมา ตนเองจึงต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียว แต่ด้วยรายได้หามาไม่เพียงพอที่จะใช้จ่ายในครัวเรือน จึงหันไปพึ่งเงินนอกระบบเพื่อจะนำเงินมาซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับคนพิการ

 

 

นายสลิง กล่าวต่อว่า เมื่อภาระหนี้เพิ่มมาก หาได้ไม่ทันกับต้องจ่ายหนี้ จึงตัดสินใจลาออกจากงาน ที่ จ.สมุทรปราการ มาอยู่ที่ จ.ชุมพร ตามคำชักชวนของคนรู้จักคนหนึ่ง ให้มาทำสวนปาล์ม ซึ่งตนเองเห็นว่า น่าจะหาเงินได้มากกว่าและรายจ่ายไม่หนักกว่าเมืองหลวง จึงหอบลูกทั้งสองมา ส่วนภรรยา นั้นไม่ยอมมา อยู่ด้วย ทำให้ตนเองต้องดูแลลูกทั้งสองเพียงลำพัง มากว่า 8 ปีแล้ว โดยที่ภรรยา ไม่เคยมาหาหรือส่งเงินมาช่วยเหลือแต่อย่างใด ซึ่งก็ไม่คิดจะน้อยใจที่ภรรยา จะทอดทิ้งลูกให้ตนเองดูแลเพียงลำพัง เขาคงมีเหตุผลของเขา ส่วนตนเองก็ต้องทำหน้าที่พ่อให้ดีที่สุด ซึ่งในความโชคร้าย ก็มีความโชคดีเข้ามา ที่ลูกชาย ขณะนี้ได้รับการช่วยเหลือจาก นางศรีนวล อ่วมอ่อน คอยดูแลเรื่องการเงิน ความเป็นอยู่และส่งให้เล่าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายแห่งหนึ่งใน อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร

 

 


 

 

 

“ การดำเนินชีวิตของตนเองในแต่ละวัน ก็จะทำงานในสวนทุกอย่างที่มีให้ทำ หรือใครว่าจ้างให้ไปทำอะไรตนเองก็จะไป เกือบทุกครั้งที่ตนเองต้องออกไปทำงานนอกบ้าน ที่ไม่ได้ไกลมากนัก ก็จะพาลูกไปด้วยเพื่ออยากให้ลูกอยู่ในสายตาตนเอง เพราะกลัวจะเกิดปัญหาที่ไม่ได้กับลูกดังที่เป็นข่าว แต่หากต้องไปไกลก็จะต้องไปฝากเพื่อนบ้านไว้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของตนเองนั้น ไม่เคยย่อท้อและต้องสู้กันต่อไป ลูกเกิดมาแล้วก็ต้องดูแล และต้องดูแลให้ดีที่สุด ในทุกๆวันก็ต้องทำตัวเองให้มีความสุข ยิ้มทุกครั้งที่เห็นลูกและได้อยู่ใกล้ๆลูก ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้”นายสลิง กล่าว

 

 

ด้านนางศรีนวล อ่วมอ่อน เปิดเผยว่า ตั้งแต่รู้จักและรู้เรื่องราวชะตาชีวิตของนายสลิง ตนเองรู้สึกสงสารมาก และนับถือในความเป็นพ่อ ที่มีต่อลูก จึงพยายามหางานให้ทำ ถ้าข้างนอกไม่มี ก็ให้มาทำงานที่บ้านเช่น ตัดหญ้า ตัดปาล์ม ช่วยเลี้ยงไก่บ้าง คอยดูแล ลูกสาวบ้าง และ ดำเนินการช่วยเหลือทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เงินมาให้กับครอบครัวนี้ ส่วนผู้ชาย ของนายสลิง ที่ครั้งแรกจะไม่ให้เรียนต่อ แต่ตนเองได้พูดคุยและยื่นมือช่วย เป็นผู้ปกครองแทน เพื่อให้เรียนต่อ และตอนนี้สามารถเข้าไปเรียนต่อได้เรียบร้อยแล้ว

 

 

 

การเลี้ยงดูลูกสาวที่ผู้พิการนั้น นายสลิงทำได้ทุกอย่าง ซึ่งคนเป็นแม่บางคนอาย โดยเฉพาะช่วงที่น้องมีประจำเดือน นายสลิง ผู้เป็นพ่อสามารถทำโดยไม่รังเกียจ และมีความเป็นห่วง มีความเอาใจใส่ ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำ และในบางครั้งที่ต้องออกไปทำงาน อย่างเช่นถ้าไปรับจ้างลงเต๊นท์ตามงานต่างๆ ก็จะเอาลูกไปฝากไว้กับบ้านเจ้าของเต๊นท์เช่า หากกลับมาไม่ทันเจ้าของบ้านที่เอาไปฝากก็จะช่วยเหลือโดยการป้อนข้าวป้อนน้ำ หากกลับมาทัน ก็จะรีบกลับมาป้อนข้าวป้อนน้ำ และอาบน้ำให้ลูก หากทำงานใกล้ๆในสวน ก็จะเอาลูกนั่งรถเข็นและพาไปนั่งไว้ใกล้ๆ เพราะน้องจะมีความรู้สึกดีใจ จะส่งเสียงและแสดงท่าทางที่ดีใจ”นางศรีนวล กล่าว

 

 

นางศรีนวล อ่วมอ่อน กล่าวต่อว่า ในสังคมอาจมีคนอื่นที่อาจจะลำบากกว่าครอบครัวนายสลิง แต่นายสลิง ก็ถือว่าลำบากไม่น้อย ก็ยังสู้ชีวิตและเจ้าตัวก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรใดๆทั้งสิ้น ขอแค่มีที่อยู่ที่กินมีงานให้ทำก็เพียงพอแล้ว ซึ่งตนเองเห็นว่า สิ่งไหนที่ช่วยกันได้ก็ต้องช่วยกันไป และหากใครที่มีความเมตตา และอยากจะช่วยเหลือครอบครัวของนายสลิง โดยเฉพาะ แพมเพิส ในแต่ละเดือนจำเป็นต้องใช้อย่างมาก ก็สามารถมาได้ที่บ้านดอนไทรงาม ที่ผู้ใหญ่บ้าน หรือที่สมาชิกสภาเทศบาล หรือหากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อมาที่เบอร์ 080-7186021

 

 

 

 

 

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.