เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ป้าวัย 54 ปี" น้ำตานอง ฝากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล กดเงินก้อนสุดท้าย สุดช้ำเงินหายไป 5,000 บาท


24 เม.ย. 2563, 08:26



"ป้าวัย 54 ปี" น้ำตานอง ฝากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล กดเงินก้อนสุดท้าย สุดช้ำเงินหายไป 5,000 บาท




วันที่ 23 เม.ย. 63 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายรวย โพนรัมย์ อายุ 57 ปี และ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ อายุ 54 ปี สองสามีภรรยา อยู่เลขที่ 208 หมู่ 3 ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ว่าอยากให้ช่วยตรวจสอบ หลังเงินในบัญชีได้หายไป 5,000 บาท หลังวานให้พนักงานเปล โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เอาบัตร ATM ที่ตนฝากไปกดเงินมาเป็นค่ารถกลับบ้านระหว่างมาฟอกไต จากการตรวจสอบพบ น.ส.สุนันท์ หะพินรัมย์ นั่งรถเข็นรอขึ้นของ อบต.ศรีภูมิ ที่มารอรับกลับบ้าน ที่บริเวณข้างโรงพยาบาล




โดย น.ส.สุนันท์ เล่าว่า ตนเองป่วยเป็นโรคไต เดินไม่ได้มานานกว่า 7 ปี ภายในหนึ่งสัปดาห์ จะต้องเดินทางมาฟอกไตที่โรงพยาลแห่งนี้ 3 ครั้ง ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย โดยอาศัยรถกู้ชีพของ อบต.ศรีภูมิ มาส่งให้ฟรีเพราะตนมีฐานะยากจน เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนก็เดินทางมาฟอกไตตามหมอนัด ระหว่างทางลูกสาวได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าได้โอนเงินมาให้จำนวนเงิน 5,800 บาท เพื่อเอาไปใช้หนี้ค่านมหลาน คือลูกของลูกสาวที่โอนเงินมาให้ เพราะค้างค่านมกับร้านในหมู่บ้านเอาไว้ ส่วนหนึ่งให้เอาไปเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว


หลังจากฟอกไตเสร็จ ตนวานเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทราบต่อมาเป็นพนักงานเปล อายุประมาณ 34 ปี ไปกดเงินมาให้ 1,000 บาท ที่ตู้ ATM หน้าโรงพยาบาล เพื่อมาเป็นค่าใช้ จ่ายจากนั้นไม่นาน พนง.คนดังกล่าวก็เดินมาแจ้งว่า เงินในบัญชีมีแค่ 1,000 เท่านั้น จึงให้สามีซึ่งมาด้วยกันไปกดเงินกับ พนง.คนดังกล่าว ด้วยกัน เพราะลูกสาวยืนยันว่าโอนมาให้ 5,800 บวกกับเงินในบัญชีของตนอีก 287 บาท จะต้องมีเงินอยู่ในบัญชี 6,087 บาท พอกลับมาอีกทีสามีแจ้งว่ามีเงินเหลือบัญชีเพียง 1,087 บาท จึงกดเอามาใช้ได้ 1,000 บาท เหลือติดบัญชี 87 บาท โดย พนง.คนดังกล่าว ยังเอาสลิปการกดเงินให้เป็นหลักฐานด้วยว่าเหลือเงิน 87 บาท 



โดยต่อมาลูกสาวก็ยืนยันอีกว่าโอนเงินมา 5,800 บาทจริง พร้อมส่งหลักการโอนมาให้ จึงเอาสมุดไปปรับที่ธนาคารออมสิน พบว่ามีการกดเงินไป 2 ครั้ง ครั้งแรก 5,000 บาท ครั้งสอง 1,000 บาท ทิ้งระยะห่างกันประมาณ 10 นาที จากนั้นได้ไปขอดูภาพกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง แต่ได้รับคำตอบว่าดูไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร(สอบสวน )สภ.เมืองบุรีรัมย์ ไว้เป็นหลักฐาน โดยตั้งข้อสงสัยว่าพนักงานคนดังกล่าว น่าจะเป็นคนกดเงินไป แต่จนถึงขณะนี้ผ่านมา 5 วัน คดียังไม่คืบหน้า 

ส่วนตัวไม่อยากโทษว่าพนักงานเปลคนนั้น เป็นคนกดเงินไป แต่ดูแล้วไม่มีใคร เพราะสามีก็กดเงินไม่เป็น และให้คนๆเดียวคือพนักงานคนดังกล่าวไปกด จีงอยากจะวิงวอนหากเอาไปจริง ก็ขอคืน เพราะเป็นเงินที่ลูกสาวหามาอย่างยากแค้นในช่วงนี้ และหลังจากนี้ก็จะไม่มีนมให้หลานกินอีก เพราะเจ้าของร้านได้โทรมาทวงแล้ว และอยากให้ตำรวจเร่งสอบสวนหาความจริง

 


ด้าน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง บอกว่า ได้รับแจ้งจากป้าแล้วพยายามหาข้อมูลจากธนาคาร แต่ธนาคารบอกว่าต้องให้เจ้าของบัญชีมาดำเนินการ ตอนนี้เรายังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนเอาเงินไป เพราะยังไม่มีหลักฐาน///////////
 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.