เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ชาวนา" สุดช้ำ! รวมกลุ่มกันปลูกข้าวพันธุ์ กลับเจอร้านขายพันธุ์ข้าวย้อมแมว เสียหายทั้งแปลงกว่า 700 ไร่


3 ก.ค. 2562, 15:19



"ชาวนา" สุดช้ำ! รวมกลุ่มกันปลูกข้าวพันธุ์ กลับเจอร้านขายพันธุ์ข้าวย้อมแมว เสียหายทั้งแปลงกว่า 700 ไร่




วันที่ 3 ก.ค.62 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่าที่ ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองอุทัยธานี กลุ่มเกษตรกรต.สะแกกรัง และต.เกาะเทโพ รวมตัวกันเข้าร้องต่อผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองจังหวัดอุทัยธานี หลังได้รับความเสียหายจากการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ปทุมธานี 1 ที่มีการปลอมปน จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีสมาชิกที่รับความเสียหายในครั้งนี้ทั้งสิ้น 17 ราย พื้นที่เพาะปลูก 700 ไร่ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200,000 บาท เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบต่อความเสียดายดังกล่าว โดยในครั้งนี้มี นายมงคล น้ำจันทร์ นายณรงค์ ม่วงแป้น นายบุญสม ส่วนบุญ และนางสมคิด ชวนะโชติ เป็นตัวแทนกลุ่มที่ได้รับความเสียหายจากการซื้อเมล็ดพันธุ์ข้าว ดังกล่าว เข้ายื่นหนังสือร้องต่อศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมี นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองอุทัยธานี พร้อมด้วย ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ เข้ารับหนังสือร้องเรียน และรับฟังปัญหาดังกล่าวจากกลุ่มตัวแทนเกษตรกร พร้อมแนวทางการแก้ไขปัญหา 

 

 



โดยกลุ่มเกษตรกรอ้างว่า ได้ทำการซื้อพันธุ์ข้าวปลูก พันธุ์ปทุมธานี 1 มาจากร้านขายพันธุ์ข้าวแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท จำนวน 424 กระสอบ เป็นเงินจำนวน 269,400 บาท เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งทราบว่าทางร้านได้รับพันธุ์ข้าวนี้มาจาก ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี เพื่อนำมาเพาะเป็นกล้าทำนาดำ แต่เมื่อเพาะพันธุ์ข้าวไปได้ 60 วัน ปรากฏว่า ต้นข้าวที่ออกมานั้น กลับมีหลายสายพันธุ์รวมกันทั้งแปลง ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการขายเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งมั่นใจว่าสาเหตุดังกล่าวเกิดจากการปลอมปนพันธุ์ข้าวแล้วมาขายให้แก่เกษตรกร โดยก่อนหน้านี้ ได้ทำการแจ้งเรื่องดังกล่าวไปยังร้านค้าที่ซื้อพันธุ์ข้าวมา ซึ่งทางร้านได้ลงมาตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งว่าให้ประสานไปกับทางศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี ทางกลุ่มจึงได้แจ้งเรื่องไปที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ พร้อมกับแจ้งว่า ให้คุยกับทางร้านอีกครั้ง จนทำให้เรื่องดังกล่าวยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน
        

จึงตัดสินใจรวมตัวกันเข้าขอให้ทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองอุทัยธานีช่วยเหลือ โดยได้ขอให้มีผู้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1. ขอให้ไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความกับพ่อค้าคนกลาง คือร้านขายพันธุ์ข้าว ในอ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เพื่อแสดงความรับผิดชอบ 2. ขอให้ทำการตรวจสอบผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวปทุมธานี 1 จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุราษฎร์ธานี ว่ามีการปลอมปนข้าวชนิดอื่นมาหรือไม่ และขอให้ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองอุทัยธานี ช่วยดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้ ข้าวที่ได้จากการเพาะปลูกนั้น และคาดว่ามีการปลอมพันธุ์ข้าวนั้น ใกล้จะถึงเวลากลับเก็บเกี่ยวผลผลิตในอีกไม่นานนี้แล้ว อีกด้วย       


โดยกลุ่มตัวแทนเกษตรกร กล่าวต่ออีกว่า แปลงนากว่า 700 ไร่ ที่ทำนั้น เป็นแปลงนาเพราะพันธุ์ข้าวปลูก / ข้าวหอม ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมานี้ ได้ส่งผลเสียหายเป็นอย่างมาก ทั้งราคาขายที่จะถูกกดต่ำลง ต้นทุนการผลิตที่สูง เนื่องจากซื้อข้าวในราคาข้าวพันธุ์ แต่เก็บผลผลิตได้ในราคาข้าวขาวธรรมดา ซ้ำร้ายที่สุดคือ แปลงนาทั้งผืน จะเสียโอกาสในการปลูกพันธุ์ข้าวขาย เนื่องจากต้องล้างแปลงนาให้ไม่เหลือข้าวดีด หรือเมล็ดข้าวพันธุ์อื่นๆหลงเหลืออยู่เลย ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี ทำให้เสียโอกาสไปอย่างมาก
      

อีกทั้งหากนับจำนวนเงินที่ควรจะได้จากการขายข้าวพันธุ์ที่ควรจะได้กันนั้น ซึ่งจากตีจากจำนวน 700 ไร่ เก็บเกี่ยวข้าวได้ไร่ละ 1 เกวียน ส่งขายในราคาเกวียนละ 10,000-10,500 บาท จะเป็นเงินที่เสียไปมากถึง 7 ล้านบาท ทำนาปลูกข้าวมากว่า 30 ปี พึ่งเคยเจอปัญหาแบบนี้เป็นครั้งแรก ซึ่งกลุ่มเกษตรกร ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า เงินที่รวมกันลงทุนนั้น ต่างก็ทำการกู้ยืมมาจากทาง ธกส. ซึ่งพอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ก็ต้องนำเงินทั้งต้องและดอกส่งคืนให้กับทางธนาคาร แต่พอมาเจอปัญหาดังกล่าว ถึงกับทุกข์หนักเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ยากให้กับชาวนาซ้ำอีก 
       ทางด้าน นายอำเภอเมืองอุทัยธานี ได้เข้ารับเรื่องดังกล่าว และได้กล่าวกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรว่า จะทำการส่งหนังสือแจ้งไปให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ทราบ และจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด  

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.