ในเบื้องต้น จากการสอบถาม นายยุวัฒน์ อาสา ผู้ต้องหา ที่ถูกจับกุมตัวไว้ได้ ให้การรับสารภาพว่า ขณะเกิดเหตุ ตนได้ขับรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าว โดยมีนายทศพร ศรีชม  คนเจ็บนั่งซ้อนท้าย เพื่อนำยาเสพติดไปส่งลูกค้า ที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้า ดังกล่าว แต่เมื่อมาถึง ผิดสังเหตุพบวาลูกค้าที่สั่งยาเสพติด เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน ตนจีงได้ขับรถเพื่อหลบหนี โดยนายทศพร คนเจ็บที่นั่งซ้อนท้าย ได้กระโดดลงจากรถจักรยานยนต์ พร้อมชักอาวุธปืน เพื่อจะยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเปิดทางหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงสวนจนได้รับบาดเจ็บ ส่วนตน ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมทางหนี ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้ม และปืนขนาด .11 มม.ที่เสียบไว้ในช่องหน้ารถจักรยานยนต์ ไม่ใช้ของตนเเต่เป็นของคนเจ็บ แต่ทางตำรวจไปปักใจเชื่อในคำให้การ เเละเชื่อว่าปืนขนาด .11มม. เป็นของนายยุวัฒน์ คนขับแน่นอน

ด้าน พ.ต.อ.ยุทธนา ศิริสมบัติ ผกก.สภ.บ่อผุด เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุ ชุดสืบสวน ได้ทำการติดต่อล่อซื้อยาเสพติดจากผู้ต้องหาทั้ง 2 และนัดส่งยาเสพติดกันที่ ลานจอดรถ ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แต่เมื่อถึงจุดนัดหมาย ผู้ต้องหา ได้ไหวตัวทัน พร้อมชักอาวุธปืน เพื่อจะยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน เพื่อเบิกทางหลบหนี เมื่อนายทศพร ชักอาวุธปืน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเห็นท่า จึงได้ยิงสกัด โดยยิงเข้าที่ข้อมือของคนร้าย ทะลุชายโครง เพื่อหยุดยับยั้งคนร้าย จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้นได้นำตัวคนเจ็บส่งโรงพยาบาล เกาะสมุย

 

ทั้งนี้ จากการสืบประวัติของ 2 ผู้ต้องหา พบว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดบนเกาะสมุย โดยนายยุวัฒน์ ผู้ต้องหาที่ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ พบว่าเมื่อ 5 วันที่ผ่านมา ถูกจับกุมในข้อหาอาวุธปืน และเพิ่งได้รับประกันตัวออกมา ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ถือว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายใหญ่บนเกาะสมุย โดยทราบว่า ผู้ต้องหา ทั้ง 2 มีประวัติไม่ธรรมดา พกปืนตลอดเวลา  ซึ่งเหตการณ์ ครั้งนี้  ก็เช่นกัน ผู้ต้องหา เตรียมพร้อมตลอดเวลา นำอาวุธปืนติดตัวมาด้วย และเมื่อเห็นจวนตัว จึงชักปืนเพื่อยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเปิดทางหนี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จึงได้ยิงสวนเพื่อยับยั้งและสกัดคนร้ายให้อยู่ในวงล้อม เพื่อลดการสูญเสีย  พร้อมควบคุมผู้ต้องหา ได้ทั้ง 2 คน พร้อมด้วยยาไอซ์ 1 ถุงจำนวน 50 กรัม และอาวุธปืน 2 กระบอก จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 ในข้อกล่าวหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาไอซ์เพื่อจำหน่าย และขัดขืนต่อสู้เจ้าพนักกงาน ขณะปฎิบัติหน้าที่ และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ต่อไป