เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ แจงกรณีการว่างงานปี 63 ชี้ยังไม่น่ากังวล ยกสถิติยืนยันความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น


25 ก.พ. 2563, 17:14



นายกฯ แจงกรณีการว่างงานปี 63 ชี้ยังไม่น่ากังวล ยกสถิติยืนยันความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น




วันนี้ ( 25 ก.พ.63 )  เวลา 14.20 น. ณ อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงเรื่องการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและความยากจนของประชาชน ว่า ปัญหาดังกล่าวรัฐบาลทราบดี ซึ่งการทำงานของรัฐบาลในเรื่องนี้เป็นการเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีต จนปัจจุบัน และวางแผนไปถึงอนาคต พร้อมทั้งสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศด้วย  

สำหรับกรณีการจ้างงานปี 2563 ที่มีความห่วงใยเรื่องคนจบใหม่จ่อว่างงานนั้น นายกรัฐมนตรี ยืนยันแนวโน้มการว่างงานในปี 2563 ยังไม่มีความน่ากังวลมากนัก  โดยต้องมีการเปรียบเทียบอัตราการว่างงานในปี 2562 ประกอบด้วย ซึ่งในปี 2562 มีกำลังแรงงาน จำนวนทั้งสิ้น 38.2 ล้านคน  มีผู้ว่างงาน 3.8 แสนคน โดยต้องไปดูว่าว่างงานตรงไหนบ้าง และดูความสามารถและฝีมีตรงกับความต้องการของตลาดและคนจ้างหรือไม่ ทั้งนี้ผู้ว่างงาน 3.8 แสนคน รัฐบาลก็ได้มีการดูแลกลุ่มคนว่างงานตรงนี้อยู่แล้ว ทั้งการพัฒนาฝีมือ หางาน และจับคู่ Matching ให้ โดยมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องดูแลดำเนินการเรื่องนี้อยู่



นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุในปี 2562 มีจำนวนผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจบใหม่ มีจำนวน 193,800 คน ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 207,600 คน ลดลงประมาณ 13,800 คน ฉะนั้นต้องดูว่าการตกงานมาจากสาขาใด เพราะบางสาขาที่เรียนแล้วอาจจะไม่มีงานทำ ซึ่งรัฐบาลก็ได้มีการปรับปรุงในเรื่องของอุดมศึกษาโดยให้ไปดูว่าสาขาใดที่ประเทศต้องการ ทั้งนี้พบว่าในปี 2562 การจ้างงานภาคบริการก็ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งภาคการขนส่ง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร เพิ่มจากปีก่อน จำนวน 25,00 คน และ 13,00 คนตามลำดับ


นอกจากนี้ความต้องการแรงงานในระยะข้างหน้าก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลระบุตั้งแต่มกราคม – กันยายน 2562 มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจำนวน 1,074 โครงการ จะสามารถสร้างงานให้คนไทย ประมาณ 59,052 ตำแหน่ง เป็นโครงการในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ จะมีการจ้างงานเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็นร้อยละ 22 ของการจ้างงานไทย จ้างงานประมาณ 12,721 ตำแหน่ง ตามมาด้วยโครงการในหมวดผลิตภัณฑ์โรงงานเครื่องจักร และขนส่ง มีการจ้างงานคิดเป็นร้อยละ 21 หรือประมาณ 12,424 ตำแหน่ง และหมวดอุตสาหกรรมเบาจะมีการจ้างงานคิดเป็นร้อยละ 20 หรือประมาณ 11,987 ตำแหน่ง ทั้งนี้โรงงานหลายแห่งยังมีความต้องการแรงงานเพิ่มเป็นจำนวนมาก แต่ต้องเป็นแรงงานที่โรงงานและผู้ประกอบการต้องการ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมาพัฒนาในเรื่องของอาชีวะ และสาขาที่มีงานทำแน่นอน โดยขอฝากในภาคการศึกษาให้ไปขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าวด้วย  

โดยขณะนี้กระทรวงแรงงานก็มีตำแหน่งงานว่างกว่า 34,626 อัตรา ซึ่งต้องไปดูว่าที่ตกงานอยู่นั้นมีความต้องการตรงกันกับตำแหน่งที่ว่างอยู่หรือไม่ ถ้าหากไม่ตรงกันก็ให้ไปฝึกงาน หรือเรียนหลักสูตรระยะสั้นเพิ่มเติมให้ตรงกับความต้องการเพื่อจะได้รับเข้าทำงานได้ ซึ่งวันนี้ภาครัฐได้มีความร่วมมือกับภาคเอกชนในเรื่องนี้อยู่แล้ว พร้อมย้ำให้เด็กเยาวชนเรียนให้สอดตรงกับความต้องการของประเทศ เพื่อให้จบออกมาแล้วมีงานทำ






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.