นายนิพจน์ บุปผาเฮ้า อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์คนร้ายกราดยิงที่ เทอร์มินอล21 โคราช  เล่าว่า ตนได้ขับรถรับจ้างโดยได้มีผู้ว่าจ้างเป็นหญิงสาว อายุ 20 ปี โดยได้ว่าจ้างจากอำเภอพยัคฆภูมิพิสัยไปยังสนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ไปไม่ทัน ผู้ว่าจ้างเลยเหมาให้ไปที่ สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งตกลงตามราคา 3,000 บาท จนกระทั่งเวลา 17.00 น. ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ได้ขับรถผ่านเพื่อที่จะมายูเทิร์นรถกลับมาทางห้างเพื่อจะมาส่งลูกค้า ที่สถานีขนส่งจังหวัดนครราชสีมา

โดยขับรถมาถึงหน้า เทอร์มินอล 21 ได้ถูกจ่าคลั่งกราดยิง ในระยะ 10 เมตร ด้านหน้ากระจกด้านขวาฝั่งคนขับ แต่กระสุนได้เบี่ยงออกมาทางด้านซ้ายเข้าบริเวณข้อมือซ้ายแต่เดชะบุญรอดตายอย่างหวุดหวิด และผู้ก่อเหตุได้กระหน่ำยิงกระจกข้างฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยไม่ได้ถูกแรงกระสุนจากเหตุการณ์ดังกล่าว และได้ลงมาดูสภาพรถซึ่งตอนแรกนึกว่าโดนปาหินใส่รถ

 หลังจากนั้นนายนิพจน์ ได้พาผู้โดยสาร มาส่งยังสถานนีขนส่ง พร้อมซื้อตั๋วให้ลูกค้าเพื่อเดินทางไปยังกรุงเทพ ฯ เพื่อส่งผู้โดยสารให้ไปถึงจุดหมายในสภาพเลือดไหลที่ข้อมือซ้ายตลอดเวลา และได้เดินทางไปยัง โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา เพื่อรักษาและทำการผ่าตัด และออกจากโรงพยาบาล เมื่อเวลา 23.45 น.ของคืนวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563

ซึ่งจากการคลาดแคล้ว ตนเชื่อในบารมีหลวงปู่ผ่าน รุ่นที่ 19 ของจังหวัดสกลนคร ที่คล้องคออยู่ และภาพหลวงปู่สา วัดบ้านเหล่า ต.เม็กดำ อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ที่วางอยู่หน้ารถ ตรงจุดกระสุนยิงผ่านเข้าไปตรงกลาง แต่เป็นเพราะบารมีที่เคารพนับถือและบูชาหลวงปู่สาทำให้กระสุนได้เปลี่ยนทิศทางมาถูกที่ข้อมือแทนที่จะถูกตรงหน้าอกของนายนิพจน์ ทำให้เกิดการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจากเหตุการณ์สะเทือนใจในครั้งนี้