ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางชลธิชา นพชำนาญ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 2 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ว่า อดีตตนเองมีอาชีพทำรถตู้วิ่งประจำทาง แต่ดูแล้วอัตราความเสี่ยงสูงไหนจะอุบัติเหตุ ไหนจะต้องบำรุงรักษา และสำคัญรถมันยิ่งลดตามชื่อ เก่าไปก็ไม่ใครใช้บริการ จะซื้อใหม่ก็แบกภาระผ่อนยาว เลยตัดสินใจ ยอมแพ้อาชีพรถตู้ไป แล้วมานั่งคิดนอนคิดว่า ที่ดินที่เหลือกว่า 50 ตรว.ข้างบ้านจะใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง จนมาคิดว่า น่าจะทำบ่อเลี้ยงกบ น่าจะดี จึงได้ไปศึกษาตามแหล่งที่เค้าเลี้ยงกบอยู่ก่อน ซึ่งเจ้าของไม่ห่วงวิชาถ่ายทอดจนคิดว่าตนเองน่าทำได้ จึงนำเงินที่ขายรถตู้ไปทั้งหมด จ้างช่างมาทำบ่อ 5 บ่อ

นางชลธิชา กล่าวว่า รอบแรก ลงทุนด้วยการซื้อลูกกบจากเค้ามา จำนวน 9 พันตัวๆละ 1 บาท แบ่งแยก บ่อละ 3 พันตัว ประคบประหงมเลี้ยงดูอย่างดี โดยมีคนขายลูกกบให้คอยมาเป็นพี่เลี้ยงให้ ซึ่งเวลาผ่านไปได้ด้วยดี รอบแรกขายได้เงินเป็นก้อนเพราะมีพ่อค้าคนกลางมารับซื้อแบบเหมาบ่อในราคาเดียวกันหมด กก.ละ 60 บาท ด้วยความดีใจรอบต่อไปจะลุยให้เต็มที่ ซื้อลูกกบมาใหม่ ครั้งนี้มีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น คิดว่าเราน่าจะเพาะลูกกบเองได้ จึงได้คัดกบในบ่อ เอาตัวที่ดูแข็งแรง ตัวใหญ่ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย แยกบ่อไว้ และไปหากบจากธรรมชาติ มาเทียบคู่ ก่อนปล่อยให้อยู่รวมกันหลายๆตัวเพื่อปล่อยให้เค้าผสมพันธุ์กัน โดยมีเคล็ดลับ ใช้ต่อท่อจากประปามาทำฝนเทียมปล่อยละอองลงในบ่อ ใช้สังกะสีตีให้ดีรอบๆบ่อเพื่อหลอกฝนตก ฟ้าร้อง ไม่เกินอาทิตย์เราก็จะได้ลูกกบว่ายเล่นเต็มบ่อ

นางชลธิชา กล่าวต่อว่า จากประสบการณ์ 3 ปี เต็ม ตอนนี้ตนเอง นอกจากจะขายให้กับพ่อค้าคนกลางแบบกบเป็นเหมายกบ่อแล้ว เริ่มหาวิธีทำอย่างไรที่จะไม่ให้ตกเป็นเบี้ยล่างให้พ่อค้าคนกลางมากดราคาซื้อ จึงได้เดินชนตรงแม่ค้าตามตลาดสด และตามร้านอาหาร เสนอส่งขายกบที่ทำสำเร็จแล้วในราคา กก.ละ 90 บาท ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งขณะนี้ยอดสั่งประมาณ 400 กก.ต่ออาทิตย์ๆละ 3 หมื่นกว่าบาท เดือนหนึ่งก็ได้เงินเป็นแสนบาท แบบสบายๆและกบที่เลี้ยงแต่ละบ่อสามารถจะจับขายได้ตลอดทั้งปีอีกด้วย

“นอกจากลูกกบที่เพาะเอง ยังมีคนมาขอซื้อไปเลี้ยงตลอด ซึ่งตนเองก็ขายให้ในราคาตัวละ 1 บาท เหมือนที่ตนเองเคยเริ่มเลี้ยงตอนแรก และพร้อมจะให้คำแนะนำกับคนทั่วไปเพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพให้กัน โดยไม่คำนึงว่าจะมาแย่งตลาดแต่อย่างใด”นางชลธิชา กล่าว