เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



"ทนายรณรงค์" ลงพื้นที่ตรวจสอบบุกรุกที่ดินแหลมสน บนเกาะพะงัน


29 พ.ย. 2562, 14:48



"ทนายรณรงค์" ลงพื้นที่ตรวจสอบบุกรุกที่ดินแหลมสน บนเกาะพะงัน




เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ บริเวณชายหาดแหลมสน หมู่ 8 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และคณะสื่อมวลชน ได้เดินทางไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริง บริเวณชายหาดแหลมสน ซึ่งเป็นที่ดินที่สาธารณะ แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ จากผู้ครอบครอง จากกรณีที่ นายพิทยา อินทร์คง นายกเทศบาลตำบลเพชรพะงัน นำหลักฐานไปยื่นเรื่องเรียนต่อตำรวจกองปราบ

โดยขณะที่ลงพื้นที่ได้มีตำรวจชุดสืบสวน สภ.เกาะพะงัน หลายนาย เดินทางมาสังเกตการณ์ แต่ไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ที่จะส่อไปถึงความรุนแรงจากกลุ่ม ผู้ประกอบการในพื้นที่แต่อย่างใด

ทั้งนี้ขณะที่ นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ ได้มีการตรวจสอบเเนวเขต และพบว่ามีผู้เข้ามาครอบครอง ในที่ดินดังกล่าวจำนวน 14 ราย ที่เข้าไปยึดถือครองที่ดินดังกล่าวที่เป็นอดีตเหมืองแร่เก่า ที่หมดสัปทานไป เมื่อประมาณ 30 กว่าที่ที่ผ่านมา และภายหลังได้มีชาวบ้านเข้าไปจับจอง เข้าทำกินอาศัยก่อสร้างเป็นที่พักบ้างและสร้างเป็นรีสอร์ท และร้านอาหาร บนชายหาดดังกล่าว ก่อนหน้านี้ มีเนื้อที่จำนวน เพียง 80 ไร่ ในภายหลังคลื่นซัดทรายขึ้นมากองเป็นชายหาดงงอกออกไป จนถึงทุกวันนี้ มีที่ดินรวมทั้งหมด 119 ไร่ และมีการสร้างรุกล้ำสร้างเขื่อนแนวกำแพงลงไปในทะเล

นายจักรพงษ์ ยวนานนท์ ผู้ประกอบการรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ตัวเองได้เดินทางเข้ามาบุกเบิกอาศัยเมื่อปี 2526 พร้อมได้ทำทะเบียนบ้าน และใบทะเบียนการค้า พร้อมเปิดเผยว่า ตนไม่มีใบเอกสารการถือครอบครองและโฉนดแต่อย่างใด ซึ่งเดิมทีในอดีต ที่ดินแปลงนี้ เป็นเหมืองแร่เก่า ภายหลังเหมืองแร่ได้ยกเลิกการสัปทาน และต่อมาเมื่อหน้ามรสุม ได้มีกระแสลมและคลื่นซัดทรายเข้ามา ทำให้มีที่ดินงอกเพิ่มขึ้น และมีชาวบ้านในพื้นที่อีกหลายรายได้ทยอยเข้ามาจับจอง เพราะชาวบ้านไม่ทราบถึงข้อของกฎหมาย นายจักรพงษ์ ผู้ประกอบการยังกล่าวอีกว่า ในสมัยนั้นก่อนที่ตัวเองเข้ามาครอบครอง ก็ยังไม่มีเทศบาล และ อบต ในสมัยนั้น เกาะพะงันเพิ่งมาใช้ พระราชกฤษฎีกา เมื่อปี พ.ศ.2534 ซึ่งทั้งนี้ตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยตนมีคดีฟ้องร้องกับศาลอยู่ 2 ข้อหา แต่ถึงอย่างไรตนก็ขอให้เป็นกระบวนการของยุติธรรมดีกว่า และอีกประการหนึ่ง ในพื้นที่บริเวณนี้ไม่มีผู้มีอิทธิพล และที่ดินดังกล่าวไม่มีมูลค่า เป็นร้อยล้านพันล้านอย่างที่เป็นข่าว นายจักรพงษ์ กล่าว

ด้านนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เกิดมีกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เริ่มทยอยเข้ามา รบกวนการทำงาน จึงทำให้การตรวจสอบติดตามข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวติดขัดไปบ้าง แต่ในเบื้องต้นจากการลงพื้นที่ ตรวจสอบพบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวทั้งหมดไม่มีเอกสารสิทธิ์ อะไรเลย และการปลูกสร้าง รีสอร์ทต่างๆ ก็ไม่มีการขออนุญาตแต่อย่างใด และที่ตนเองได้ลงพื้นที่ไปยื่นเรื่องกับตำรวจกองปราบ ก็ไปแจ้งความดำเนินคดีในข้อกล่าว พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร การก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และในเรื่องของการรุกที่สาธารณะ และขอให้ทางตำรวจกองปราบดำเนินคดีแทน ตำรวจที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื่องจากตำรวจที่สุราษฎร์ธานี ทำคดีล่าช้า และจากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ ยังพบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอีกหลายประการ เช่น การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ต้องมาขออนุญาตจากทางเทศบาลเสียก่อน และเท่าที่ทราบมา ทราบว่าทางเทศบาลตำบลเพชรพะงัน ไม่เคยอนุญาตให้สร้างแต่อย่างใด ดังนั้นความผิดทางกฎหมายมันค่อนข้างที่จะชัดเจนอยู่แล้ว

นายรณรงค์ ยังกล่าวต่ออีกว่า หลังจากลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ ก็จะนำหลักฐานทั้งหมด ที่เข้าไปตรวจสอบในครั้งนี้ นำไปประมวนผล ว่าจะเดินต่อไปทางไหน แต่ก็ต้องไปเริ่มที่ทางตำรวจสุราษฎร์ธานี กับทางอัยการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ว่ามีความเห็นตรงกันว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ เพราะหากในพื้นที่ยังไม่ดำเนินการใด ๆทางทนายก็จะทำเรื่องส่งฟ้องเอง ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าว

จากนั้น นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม  พร้อมคณะได้เดินทางเข้าไปพบกับ นายพิทยา อินทร์คง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเกาะพะงัน พร้อมได้นั่งพูดคุยสรุปในเบื้องต้น

ต่อมานายพิทยา อินทร์คง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเกาะพะงัน  ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ในขั้นตอนการปฏิบัติงานทางเทศก็ไม่ได้นำเรื่องส่วนตัวเข้าไปปฏิบัติ กับกลุ่มผู้บุกรุก ซึ่งทุกๆ คนที่เข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณชายหาดแหลมสนดังกล่าว ทุกคนก็ทราบกันอยู่แล้ว ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะ ที่ผลเมืองสามารถทำประโยชน์ใช้ร่วมกัน และในบางเรื่องหากนำเรื่องส่วนตัวเข้าไปเกี่ยวข้องมันก็จะออกมาในรูปแบบเอื้อผลประโยชน์ ซึ่งการดำเนินการของเทศบาลตำบลเพชรพะงัน ก็ทำหน้าที่ไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งจากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นก็หนักใจพอสมควร เนื่องจากว่าเทศบาลเพชรพะงัน โดดเดี่ยว ซึ่งจริงๆ อำนาจและหน้าที่ ของข้อกฎหมายส่วนปกครองท้องถิ่น ในมาตรา 122 ส่วนปกครองท้องที่ เช่น อำเภอและองค์กรท้องถิ่น มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณะประโยชน์ อันเป็นสมบัติของแผ่นดิน นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเพชรพะงัน กล่าว

 

 

 

 



 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.