เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นายกฯ อนุทิน เดินหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ย้ำชัดการลงนาม MOU เป็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น


6 พ.ย. 2568, 15:42



นายกฯ อนุทิน เดินหน้ามาตรการแก้ไขปัญหาแก๊งสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ย้ำชัดการลงนาม MOU เป็นการแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น




วันนี้ (6 พฤศจิกายน 2568) เวลา 12.40 น. ณ บริเวณโถงกลางตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ถึงการดำเนินการของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เรื่องดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีขั้นสูง และสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการได้ตลอดเวลา ดังนั้น เมื่อดำเนินการปราบปรามได้สำเร็จ ไม่สามารถที่จะออกมาเผยแพร่ขั้นตอนได้ เพราะต้องใช้ทั้งด้านการข่าวในการปราบปราม และความร่วมมือในการสำรวจเส้นทางทางการเงิน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการดักการกระทำความผิดทั้งหลาย อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาจะมีการสรุปผลแนวทางการดำเนินการให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ ซึ่งในเรื่องนี้เคยแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า “การไม่ดำเนินการอะไรเลยนั้น” เป็นไปไม่ได้ เพราะมีทั้งการยึดทรัพย์ และการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ทั้งในส่วนของการเพิกถอนถิ่นพำนัก การเพิกถอนวีซ่า การถอนสัญชาติ และการเพิกถอน Work permit ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ ได้มีการลงนาม MOU ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตามทุกหน่วยงานมีการดำเนินการและประสานความร่วมมือกันอยู่ตลอด แต่วันนี้จะทำให้การดำเนินการเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะได้นำหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนมาเป็นส่วนหนึ่งในการลงนาม MOU ครั้งนี้ด้วย อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ก.ล.ต. และสำนักงาน กสทช. ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงหน่วยงานในการดำเนินการปราบปรามให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

“ได้ทำงานตามการข่าว ทำตามพฤติกรรม ทำตามหน้าที่ที่มีอยู่ ทั้งจากแหล่งข่าว จากการรับแจ้งความและจากการประสานงานนานาชาติและนำไปดำเนินการป้องกันและปราบปราม ซึ่งไม่ได้ทำตามจากเสียงอ้างเพราะมีหลักการในการทำงานสามารถพิสูจน์เห็นชัดจากตัวเลขที่ได้ทำการยึดและอายัดทรัพย์สินผู้กระทำผิด โดยในช่วงที่ผ่านมา ความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งกระทรวงการคลัง กรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้เผยอย่างชัดเจนว่า ในช่วงระยะเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่าน จำนวนบัญชีม้าลดลงไปประมาณ 25% สะท้อนให้เห็นความชัดเจนของการดำเนินงานว่าได้ก่อให้เกิดประสิทธิผลจากการทำงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.