"บวรศักดิ์” แจงการขออภัยโทษเป็นสิทธิตามกฎหมาย รมว.ยุติธรรมต้องยื่นคำร้องขอของผู้ต้องขัง พร้อมถวายคำแนะนำ
16 ต.ค. 2568, 14:39

วันที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลา 11.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการถวายเรื่องราวการขอรับพระราชทานอภัยโทษของผู้ต้องขังว่า การอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ส่วนหลักเกณฑ์เละวิธีการถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษเป็นไปตามบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ภาค 7 มาตรา 259 ถึงมาตรา 267 และกฎกระทรวงการร้องทุกข์ การยื่นเรื่องราวใด ๆ หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของผู้ต้องขัง พ.ศ. 2563 ซึ่งบุคคลที่มีสิทธิถวายเรื่องราวต้อง เป็นผู้ถูกพิพากษาอยู่ระหว่างการรับโทษจริงโดยคดีถึงที่สุด ส่วนวิธีการและขั้นตอนการดำเนินการ คือ ผู้ถวายเรื่องราวยังต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ จะยื่นเรื่องราวต่อพัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำ การเขียนหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาผู้ต้องขังต้องเขียนด้วยตนเอง เว้นแต่ไม่สามารถเขียนด้วยตนเองได้ ให้เจ้าพนักงานเรือนจำพิจารณาให้ความช่วยเหลือตามความประสงค์ของผู้ต้องขัง เมื่อเจ้าพนักงานฯ ได้รับคำร้องขอฎีกาแล้ว ให้เจ้าพนักงานฯส่งหนังสือไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อส่งเรื่องราวไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยรัฐมนตรีฯ มีหน้าที่ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่ โดยคำสั่งหรือคำชี้แจง ตอบการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ต้องแจ้งให้ผู้ต้องขังที่ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาทราบ โดยให้ผู้ต้องขังคนนั้นลงลายมือชื่อรับทราบไว้เป็นหลักฐาน
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า การยื่นเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษมากกว่าหนึ่งครั้ง ในกรณีที่ไม่ใช่โทษประหารชีวิต ถ้าถูกยกหนหนึ่งแล้ว จะยื่นใหม่อีกไม่ได้จนกว่าจะพ้น 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ถูกยกครั้งก่อน สำหรับกรณีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้ปรากฏข้อเท็จจริงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 ว่าได้ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษและได้มีพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 พระราชทานพระมหากรุณาธิคุณลดโทษให้เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งกรณีดังกล่าว นักโทษเด็ดขาดชายได้รับการอภัยโทษ จึงไม่ใช่กรณีที่ถูกยกคำขอพระราชทานอภัยโทษอันต้องห้ามยื่นใหม่เป็นเวลา 2 ปี โดยการยื่นเรื่องราวถวายฎีกาขอรับพระราชทานอภัยโทษนี้เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีอยู่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ยังไม่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของกฎหมายอื่นใด และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ต้องถวายเรื่อง พร้อมทั้งถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่
นายบวรศักดิ์ยังกล่าวถึงไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา แต่ถ้ามีการยื่นยุบสภาก่อน รัฐธรรมนูญถึงจะชะงัก แต่ถ้าอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว มีเหตุเปลี่ยนรัฐบาล สภาก็ดำเนินเรื่องไป แต่ถ้ายุบสภาก็จบ รัฐบาลใหม่ที่มาหลังจากการเลือกตั้ง สามารถขอให้สภาหยิบขึ้นมาพิจารณาได้ภายใน 60 วัน รัฐบาลมีหน้าที่เดียวคือ เมื่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญผ่านรัฐสภาแล้ว รัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ บังคับให้รัฐบาลต้องขอประชามติว่าเห็นชอบหรือไม่ โดยคำถามแรก เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และคำถามที่สอง เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับรูปแบบ ขั้นตอน กระบวนการ และหลักการพื้นฐานที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญที่ส่งมานี้หรือไม่ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ ประชามติจะเหลือคำถามเดียวคือ เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
ส่วนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติฉบับใหม่ที่นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ซึ่งจะครบ 90 วัน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 จะมีการโปรดเกล้าฯ เมื่อใด เป็นพระราชอำนาจ โดยหากใช้ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ไทม์ไลน์จะเร็วขึ้น แต่ถ้าใช้ฉบับใหม่ และโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ไทม์ไลน์จะเปลี่ยน สภาจะมีเวลามากขึ้นอีก 1 เดือน