นายกฯ อนุทิน เน้นย้ำรัฐบาลสนับสนุนการดำเนินการของกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาเกียรติภูมิและอธิปไตยของไทย
9 ต.ค. 2568, 17:16

วันนี้ (วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568) เวลา 15.00 น. ณ กระทรวงการต่างประเทศ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมเตรียมการเยือน สปป.ลาว และการประชุมกลุ่มย่อยกับคณะผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การมาร่วมประชุมในวันนี้ได้หารือและเตรียมการสำหรับการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งการตอบหนังสือจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แสดงความปรารถนาดีต่อประเทศไทย และแสดงความต้องการเห็นสันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่า ไทยเชื่อมั่นในสันติภาพและยึดมั่นในจุดยืนที่ต้องการเห็นกัมพูชาดำเนินการตามเงื่อนไขของไทย เพื่อนำไปสู่แนวทางที่ส่งเสริมสันติภาพและความสงบสุขในอนาคต
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ไทยและกัมพูชามีข้อตกลงร่วมกันแล้วว่า แต่ละประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยไทยได้เน้นย้ำให้มีการถอนอาวุธหนัก การจัดการทุ่นระเบิด การแก้ไขปัญหากลุ่มสแกมเมอร์ และการบริหารพื้นที่ที่อยู่ในอาณาเขตไทยให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นท่าทีที่รัฐบาลไทยได้ยืนยันต่อผู้ที่ต้องการเข้ามาเป็นคนกลางในการแก้ไขปัญหานี้ พร้อมย้ำว่า ปัญหานี้ควรให้ทั้งสองประเทศเป็นผู้ร่วมกันแก้ไข
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างไทยและกัมพูชา และหวังว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีความปรารถนาดีต่อสันติภาพจะเข้าใจสถานการณ์อย่างถูกต้อง ทั้งนี้ ในรายละเอียดเพิ่มเติม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ชี้แจงต่อไป รวมถึงกระทรวงการต่างประเทศจะจัดทำหนังสือแจ้งไปยังกัมพูชาเพื่อยืนยันว่าไทยจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาอธิปไตยของตน โดยจะมีหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายปกครองจังหวัดสระแก้ว เข้ามาดำเนินการในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของการดำเนินงานด้านความมั่นคง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย
นายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะไม่ทำผิดกฎหมาย และยึดมั่นในกติกาสากล เพื่อรักษาเกียรติภูมิของประเทศ โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างละมุนละม่อม แต่ยังคงรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิ อธิปไตย และกฎหมายของประเทศไทย ด้านความมั่นคงนั้น ได้มีมาตรการดำเนินการอยู่แล้ว ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจเต็มในการกำหนดกรอบการเจรจา เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ส่วนการป้องกันและรักษาอธิปไตยจะเป็นภารกิจหลักของกองทัพไทย ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนให้ทั้งกองทัพและกระทรวงการต่างประเทศสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างสำเร็จลุล่วง
"ทุกการดำเนินงานจะต้องยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชน ควบคู่กับการรักษาอธิปไตยและกฎหมายของไทย ซึ่งจะไม่ยอมให้ประเทศใดเข้ามาก้าวล่วง ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดคือ ความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย อธิปไตยของชาติ และศักดิ์ศรีของประเทศไทย" นายกรัฐมนตรีกล่าว