เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กรมศุลกากรตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกออสเตรเลีย จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท


4 มิ.ย. 2568, 15:44



กรมศุลกากรตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกออสเตรเลีย จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท




กรมศุลกากรตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกออสเตรเลีย จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท กรมศุลกากรจัดงานแถลงข่าวการตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกไปประเทศออสเตรเลีย ซุกซ่อนมาในเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท โดยมีที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เป็นประธาน

วันนี้ (วันที่ 4 มิถุนายน 2568) กรมศุลกากรจัดงานแถลงข่าว การตรวจยึด (ไอซ์) เตรียมส่งออกไปประเทศออสเตรเลีย ซุกซ่อนมาในเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท โดยมีนางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เป็นประธาน ร่วมด้วย นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายพีรพงศ์ รำพึงจิตต์ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการข่าวและปราบปรามยาเสพติด 6 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พันตำรวจเอก ไพโรจน์ เขียวนรภัย ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรือโทศิรรินทร์ ชัยสินอัครยศ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการเรือและสินค้า ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ณ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ 

นางนันท์ฐิตา ศิริคุปต์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าและส่งออกยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยต่อสังคมและประชาชน โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร เข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น ในทุกช่องทางการขนส่งสินค้า 

นางนันท์ฐิตา ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมศุลกากรได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยใช้เครื่องมือในการควบคุมทางศุลกากร อาทิ การบริหารความเสี่ยง การเปิดตรวจทางกายภาพ และการตรวจสอบสินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ จนเมื่อวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ นายเอกวุฒิ นาเอก ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ ทำการตรวจสอบสินค้าตามใบขนสินค้าขาออก สำแดงสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ เพื่อส่งออกทางเรือไปยังประเทศออสเตรเลีย

ผลการตรวจสอบ พบสินค้าเป็นเครื่องกลึงโลหะ จำนวน 1 เครื่อง บรรจุในลังไม้ 1 ลัง และจากการตรวจสอบภาพเอกซเรย์พบว่ามีความผิดปกติอยู่ภายในเครื่องกลึงโลหะ จากนั้นจึงทำการตรวจสอบทางกายภาพ พบวัตถุลักษณะเกล็ดขาว บรรจุอยู่ในห่อฟอยล์ จำนวน 26 ก้อน และบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 2 ถุง น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวอย่างเกล็ดขาวต้องสงสัยมาทดสอบสารเสพติด โดยใช้ชุดทดสอบสารเสพติดเบื้องต้นมาร์ควิส (MARQUIS REAGENT) แสดงผลเป็นสีน้ำตาลและใช้เครื่อง Handheld Raman Spectrometer ตรวจสอบองค์ประกอบพบเป็น Methamphetamine จึงสรุปผลการตรวจสอบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 33.73 กิโลกรัม มูลค่าปลายทางกว่า 100 ล้านบาท 

ซึ่งในกรณีนี้เป็นความผิดฐานพยายามส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไปนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด และเป็นความผิดตามมาตรา 244 มาตรา 252 ประกอบมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560  

ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร กล่าวต่ออีกว่า กรมศุลกากร ได้ปฏิบัติงานเชิงรุกในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า - ส่งออกยาเสพติดและสารตั้งต้น รวมถึงตรวจยึดสินค้าอื่นที่ผิดกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องสังคมให้ปลอดภัย และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนและความมั่นคงของรัฐเป็นอันดับแรก สำหรับสถิติในการจับกุมยาเสพติดในปีงบประมาณ 2568 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 30 พฤษภาคม 2568 กรมศุลกากรสามารถจับกุมได้ 156 คดี มูลค่า 922.31 ล้านบาท





คำที่เกี่ยวข้อง : #กรมศุลกากร  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.