ด่วน..!! ฉก.รัฐบาล จัด150 จนท.ทั้งตร.และ ฝ่ายปราบ พณ. บุกปิดสวิสต์ แบรนด์เนม..ไฮโซ เก๊..!!
23 พ.ค. 2568, 20:33

“จิรายุ นำทีม ฉก. ชุดใหญ่ ทั้ง ตร.-ชุดปราบพณ. กว่า 150 นาย ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ จับ “ของก๊อป แบรนด์เนม..ไฮโซเก๊ ”เต็มมาบุญครอง พบมีกว่า 100 ร้านค้า เปิดขายโจ๋งครึ่มนานนับปี ไม่นับรวมทั่วประเทศ ตามเมืองใหญ่พบบัญชี “ลับ” จ่ายส่วยเข้ากระเป๋า จนท.
วันนี้ (23 พ.ค.68) เวลา 12.30 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญการแก้ปัญหา “การละเมิดลิขสิทธิ์“ ทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก
วันนี้ ตนได้รับมอบหมายจาก เลขาธิการนายกรัฐมนตรี หลังจากศูนย์รับเรื่องร้องเรียน สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล 1111 รับเรื่องร้องเรียนธุรกิจผิดกฎหมายและอบายมุขเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งเจ้าหน้าที่รับสินบนกระทำความผิดกฎหมาย มากกว่า 2,000 เรื่อง อาทิ เรียกรับสินบนเพื่อไม่ให้ดำเนินคดี การจ่ายส่วย จนท. ทั้งแรงงาน และการเปิดเว็บไซต์ เว็บโป๊ หรือช่องทางในการเล่นการพนันออนไลน์ การขายบุหรี่ไฟฟ้า การปล่อยผ่านสินค้าผิดกฎหมายผ่านแดน
ทั้งนี้ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ทีมฝ่ายสืบสวน ชุดเฉพาะกิจ ได้ลงพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบพบว่า มีการลักลอบนำเข้าและเปิดขาย สินค้าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างโจ๋งครึ่ม มีความโยงใยไปถึงขบวนการค้ามนุษย์ ค้าแรงงาน ที่ผิดกฎหมาย เข้ามาในรูปแบบนักท่องเที่ยว แต่มาทำงานเป็นพนักงานขาย ตามห้างสรรพสินค้าทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เมืองพัทยาและจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง
โดยรายงานที่ได้รับ กรณีขายของละเมิดลิขสิทธิ์ ระบุว่า จะจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ห้าหมื่นบาทไปจนถึงแสนบาทต่อเดือน ต่อร้านค้าขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนสินค้า ซึ่งข้อมูลระบุว่า มีเงินหมุนเวียนเหล่านี้ไปยังเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อเดือนต่อพื้นที่ และรายงานพบว่า จนท.หลายแห่งใช้บัญชีม้า มีมือทำงาน รับโอนเคลียร์ ส่วนหากจะเปิดเว็บไซต์ เว็บพนัน เว็บโป๊ เว็บผิดกฎหมาย หากไม่อยากถูกจับกุมจะต้องจ่าย URL. ละ 2-5 หมื่นบาท ซึ่งแต่ละเจ้า จะมี URLต่อเว็บๆละ กว่า 20 URL ซึ่งจากข้อมูลพบว่า บางจังหวัด มีมากกว่า 1 พัน URL ทั้งนี้ เชื่อว่า มีเงินสะพัดในระบบเหล่านี้ ปีละหลายพันล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่สำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานคณะทำงานจะดำเนินการกลั่นกรองส่งดำเนินการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปท. ปปง. DSI ต่อไป
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า หลังจากรวบรวมข้อมูล และลงพื้นที่ หลายจังหวัดมากว่า 3 เดือน วันนี้ เวลา ประมาณ 12.30 น. ที่ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เขตปทุมวันกรุงเทพมหานคร ชุดเฉพาะกิจซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์สำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมชุดเฉพาะกิจตำรวจ 120 นาย เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปราบปรามกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์จำนวน 30 นาย เข้าจับกุม ผู้กระทำความผิดที่บริเวณชั้น 1-4 ซึ่ง 4 ชั้นดังกล่าวเปิดขายอย่างโจ๋งครึ่มมานานนับปี ส่วนหนึ่งปิดร้านหนีเจ้าหน้าที่ ทำให้เข้าใจว่า มีข่าวรั่วตั้งแต่ช่วงเช้า ทั้งนี้ ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ บก.ปอศ จะรายงานสรุปผลการจับกุมและของกลางดังกล่าว ซึ่งคาดว่า มีจำนวนมาก
ทั้งนี้ ข้อมูลพบว่า เจ้าของที่เช่าพื้นที่กับมาบุญครอง นั้นตรงกับรายงาน ”ลับ“ ว่า มีทั้งคนไทยและคนต่างด้าว แต่จะใช้ชาวต่างด้าวที่มาจากประเทศในเอเซียที่พูดภาษาอังกฤษได้เป็นคนขายหน้าร้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบการเข้ามาในประเทศต่อไป สำหรับผู้ซื้อส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะซื้อสินค้าแบรนด์เนมซึ่งเป็นของก๊อปปี้ เช่นกระเป๋าเดินทางชื่อดังบางรุ่นของแท้ราคา 4-5 แสนบาทขายเพียง 7,500 บาท กระเป๋าแบรนด์เนม หรือแม้กระทั้งนาฬิกายี่ห้อ “ป” ของจริงราคาเกือบ 5 ล้าน ก็สามารถซื้อได้ ราคาแค่หลักพันเท่านั้น
ทั้งนี้ ทีมเฉพาะกิจสืบพบว่า สาเหตุที่ขายกันอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย เป็นเพราะมีบุคคลซึ่งเป็นนายหน้ารับเคลียร์โดยกล่าวอ้างว่า เคลียร์เจ้าหน้าที่แล้ว โดย กรณี “มาบุญครอง” ระบุว่า ได้จ่ายสินบนให้กับ จนท.หลายหน่วยงาน ซึ่งรายงานลับ จากการร้องเรียนผ่าน “1111 ”ทำเนียบรัฐบาลได้รับทราบข้อมูล หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งบุคคลผู้รับเคลียร์หน้าเสื่อให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งพื้นที่ และหน่วยอื่น มีชื่อว่า นส.อ นาย ต. และ สารวัตร น. ซึ่งจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นายจิรายุกล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2568 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) นั้น ปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการและดำเนินการตามแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากทุกบัญชี แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงสถานะไทยที่ WL แต่ก็ได้ชื่นชมการดำเนินการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตร รวมถึงการกำกับดูแลองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Collective Management Organizations: CMOs) ที่ได้ดำเนินการตามหลักปฏิบัติที่ดีในการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง (Code of conduct) ใช้เครื่องหมายรับรอง CMOs รวมถึงการบูรณาการหน่วยงานของไทยในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
“รัฐบาล เร่งบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขจัดปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ที่แทรกซึมผ่านระบบเศรษฐกิจและกฎหมายไทย เพื่อให้ไทยหลุดจากบัญชี Watch List (WL) โดยเร็ว ทั้งนี้ รายงานที่ส่งมายังคณะทำงานพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายส่วนเข้าไป พัวพันในการรับสินบน จากผู้นำเข้า ผู้ขายและการขายสินค้าผ่านออนไลน์ จนสามารถเปิดขายได้ตามร้านค้า ตามเว็บไซต์ทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รับสินบนจะถูกดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ รับสินบน แจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์หมายเลข 1111 หรือ ส่งจดหมายมาที่ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” เลขที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กทม. 10300 และ[email protected] “ นายจุรายุกล่าว