วันนี้ (8 พฤษภาคม 2567) นายญาณกร แพร่โกสุมปรีชา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทอง เปิดเผยว่า ศูนย์สั่งการและติดตามสถานการณ์ไฟป่าฯ สบอ.11 ได้รับรายงานว่ามีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าท้องที่ อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก เกิดจุดความร้อนต่อเนื่องจากการลักลอบจุดไฟเผาป่าล่าสัตว์ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกสั่งการเด็ดขาด และผู้นำชุมชนได้ออกไปช่วยพนักงานพิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทอง ดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างทั้งกลางวันและกลางคืน

สืบเนื่องจากข้อสั่งการของท่านอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความเข้มข้นในลาดตระเวนและควบคุมพื้นที่่ป้องกันไฟไหม้เร่งด่วน ประกอบกับความร่วมมือจากราษฎรที่ปฏิบัติงานประจำจุดเฝ้าระวังไฟป่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 (เวลาประมาณ 19.30 น.) คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทอง ได้รับแจ้งจากผู้หวังดีไม่ประสงค์ออกนามหวังสินบนนำจับว่ามีผู้ลักลอบเข้าป่าล่าสัตว์ บริเวณป่าโคกน้อย หลังบ้านนาตอน หมู่ที่ 1 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทอง

คณะเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเมี่ยงและภูทอง ได้ประสานงานปลัดอำเภอชาติตระการฝ่ายความมั่นคง และผู้ใหญ่บ้านบ้านนาตอน หมู่ที่ 1 ร่วมกันวางแผนเข้าตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง คณะเจ้าหน้าที่พบรถยนต์  ยี่ห้อ TOYOTA Hilux Revo ทะเบียนจังหวัดพิษณุโลก จอดอยู่ข้างทางริมถนน เส้นนาตอน - น้ำจวง และได้ยินเสียงปืนลูกซองดัง 5 นัด ระยะที่เสียงปืนดังประมาณ 200 เมตร จึงได้ทำการดักซุ่ม

กระทั่งเวลาประมาณ 23.00 น. มีชายใช้ไฟฉายคาดหัวเดินออกมาจากบริเวณป่าที่ได้ยินเสียงปืน พอมาระยะใกล้ ๆ จึงพบว่าชายคนดังกล่าวสะพายอาวุธปืนยาว และเป้สะพายหลัง จึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ สอบถามผู้ที่ถูกจับกุม ทราบชื่อว่านายประเสิด (สงวนนามสกุล) อายุ 56 ปี ราษฎรบ้านนาตอน อาศัยอยู่หมู่ที่ 1 ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ได้ให้ถ้อยคำว่าตนได้เข้าไปในป่าเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. เพื่อเข้าไปเพื่อดูไฟป่าที่ไหม้ข้ามทางมาจากบ้านขวดน้ำมัน จากนั้นได้ไปที่ต้นไทรมีผลกำลังสุก และได้ทำการดักซุ่มเพื่อที่จะยิงสัตว์ เวลาประมาณ 21.30 น. พบอีเห็นมากินลูกไทร ได้ทำการยิงอีเห็นแล้วเดินกลับมาที่รถยนต์ที่จอดไว้  กระทั่งมาพบเจ้าหน้าที่และถูกจับกุมในเวลาต่อมา

จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุตรวจสอบพบซากอีเห็น จำนวน 1 ตัว , อาวุธปืนลูกซองยาว ไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ,ลูกกระสุน เบอร์ 12 ลูกปลาย 70 จำนวน 3 นัด และลูก 9 จำนวน 3 นัด , มีดปลายแหลม จำนวน 1 ด้าม , ไฟฉายคาดหัว จำนวน 1 อัน , หินรับมีด จำนวน 1 อัน , ยาเส้น จำนวน 1 ห่อ , กระดาษมวนยาเส้น จำนวน 1 ห่อ , ไฟแช็ค จำนวน 2 อัน

คณะเจ้าหน้าที่จึงนำนายประเสริฐ  พร้อมของกลาง อุปกรณ์การกระทำผิดทั้งหมด มาจัดทำบันทึกการตรวจยึด จับกุม ที่ สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ แล้วนำส่งสถานีตำรวจภูธรชาติตระการ ในฐานความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 17 ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่า มาตรา 53  ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานอื่นใดซึ่งต้องเข้าไปปฏิบัติการตามหน้าที่ มาตรา 54 ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่า เก็บหรือทำอันตรายแก่รังของสัตว์ป่า  หรือล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไป เว้นแต่จะกระทำเพื่อการสำรวจ การศึกษา การวิจัย หรือการทดลองทางวิชาการ และได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  และข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว”